วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

P37

"ชาวบ้านฉางเมืองฮิ..แตกตื่นผีกระสืออาละวาด!! ด็กกลัวขวัญผวาอาจารย์ดังเตือนระวังสติแตก.. "





*** เรื่องราวของความเชื่อส่วนบุคคล..ชาวบ้านร้านค้ากลุ่มหนึ่งในหมู่บ้านห้วยมะหาด-เขาภูดร หมู่ 7 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ว่า ขณะนี้ชาวบ้านฉางต่างพากันหวาดผวา “ผีกระสือ” อาละวาด และเชื่อกันว่า..กระสือ เป็นผีชนิดหนึ่งที่ถือว่าเข้าสิงในตัวผู้ หญิงและชอบกินของโสโครก คู่กับ "กระหัง" ซึ่งเข้าสิงในตัวผู้ชาย กระทั่งข่าวแพร่สะ พัดเรื่องผีกระสืออาละวาดไล่ฟัดสัตว์ปีกในเล้าไก่ตาย แพร่กระจายไปทัวหมู่บ้าน..

*** ชาวบ้านฉางลือผีกระสืออาละวาดแพร่กระจาย ปรากฏว่า มีชาวบ้านพบเห็นผีกระสือในช่วงกลางคืน เวลา 02.00- 03.00 น.แทบทุกคืน สร้างความหวาดผวาให้กับลูกเด็กเล็กแดงชาวบ้านร้านค้าต่างกลัวกระสือไม่กล้าออกจากบ้านหลังจากตะวันลับฟ้า ส่งผลให้ชาวบ้านต้องหาทางป้องกันแก้ไขเกี่ยวกับเรื่องผีกระสือ พร้อมสั่งห้ามไม่ให้เด็กเล็กออกนอกบ้านในเวลากลางคืนอย่างเด็ดขาด หากหมู่บ้านไหนไม่เชื่อก็ตามใจ พวกเราไม่ได้งมงาย!! แต่เป็นการป้องกันและเตรียมหาหนามไฝ่และแหไว้เหวี่ยงทอดครอบกระสือกันแล้ว เพราะที่ผ่านมา ชาวบ้านพบเห็นกระสือลอยวับว๊าบ ๆ เข้าไปตามบ้านและเล้าไก่ หลังจากนั้นพอรุ่งเช้าไปดูก็แจอซากไก่-และเป็ดถูกกัดกินไส้อย่างนี้เป็นประจำ

*** นายอุดม แสงเทียนชัย อายุ 57 ปี ชาวบ้านร้านค้าหมู่บ้านภูดร-ห้วยมะหาด หมู่ 7 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เล่าให้ทีมข่าวนสพ.จันทร์ฮอตนิวส์ฟังว่า เมื่อสมัยหนุ่มๆตนเคยใช้สุ่มไก่ช่วยกันไล่ครอบผีกระสือ เมื่อประมาณ 40 ปีมาแล้วที่บ้านนอก จนกระทั่งพบเรื่องราว..ผีกระสือตัวเป็นๆอาลาวาดในหมู่บ้านภูดร-ห้วยมะหาดของเรา!! และคนโบ ราณครั้งปู่ย่าตายายได้เคยเล่าต่อกันมาว่า กระสือเป็นผีชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่าสิงสู่อยู่ในตัวของคนเพศหญิงซึ่งโดยมากมักเป็นยายแก่ ชอบกินของสดๆคาวๆ มักจะออกหากินเวลากลางคืน และไปแต่หัวกับตับไตไส้พุง ส่วนร่างกายคงทิ้งไว้ที่บ้าน เวลาไปไหนจะเห็นเป็นดวงไฟดวงโตมีแสงสีเขียวเหลืองวามๆ

*** ถ้าหากบ้านใครคลอดลูกใหม่ๆ มีกลิ่นสดคาวของเลือดจะชักนำให้ผีกระสือมา และลอยเข้าไปกินตับไตไส้พุงของหญิงที่คลอดลูก หรือรกเด็กแรกคลอด ล่าสุด..ไก่ในเล้าหายแทบทุกวันต่างช่วยเฝ้าคอยดู ปรากฏว่า ชาวบ้านเห็นแสงไปแว๊บวาบๆ ลอยมาในที่มือแล้วหวลเข้าไปในเล้าไก่ พอรุ่งเช้าพบว่าไก่ตายถูกกัดกินเหลือแต่ซี่โครงและขนปีกกระจายเกลื่อน ต่างปักใจเชื่อกันว่าเป็นผีกระสือแน่นอน จึงช่วยกันตัดหนามไม้ไฝ่และหนามพุทราสะ นำมาล้อมไว้บริเวณรอบบ้านและใต้ถุนเรือนที่มีร่องรูตามพื้นต่างๆ เพื่อป้องกันมิให้กระสือเข้ามาได้ ต่างเชื่อว่ากระสือกลัวหนามเกี่ยวไส้ทำให้มันไม่กล้าเข้ามา*** ดังนั้น นอกจากของสดของคาวแล้ว กระสือยังชอบของโสโครกเช่นอุจจาระเป็นต้น เมื่อกินเสร็จแล้วเห็นผ้าของใครตากทิ้งค้างคืนไว้ก็เข้าไปเช็ดปาก ผ้านั้นจะปรากฏเป็นรอยเปื้อนดวง ๆ ถ้าเอาผ้านั้นไปต้มกระสือจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนปากทนไม่ไหวจนต้องมาขอร้องไม่ให้ต้มต่อไป กระสือนั้นเมื่อเจ็บจวนจะตายก็ไม่ตายง่าย ๆ ต้องคายน้ำลายของตนถ่ายเข้าปากลูกหลานคนใดคนหนึ่งไว้ให้สืบทายาทเป็นกระสือต่อก่อน ตนจึงจะตายได้โดยไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป การปราบกระสือนั้น ไม่สามารถไล่ผีที่มาสิงสู่ออกจากร่างเหยื่อได้ ว่ากันว่าวิญญาณนั้นได้หยั่งลึกลงในใจของคนๆ นั้นแล้ว ฉะนั้น!! การปราบกระสือก็เท่า กับต้องฆ่าคนๆนั้นไปเลย

*** ด้านยายเขียว พันนาม อายุ 82 ปี อดีตหมอตำแยสมัยโบราณ เดิมเป็นคนอยู่ป่าดงดิบมาก่อน เล่าให้ทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์ฟังว่า..เมื่อครั้งที่ยายเป็นเด็กเคยเห็นครอบครัวหนึ่ง ซึ่งอยู่กันพร้อมทั้งหน้าพ่อ-แม่และลูก โดยอยู่มาวันหนึ่งในตอนกลางคืน ผู้เป็นพ่อได้ออกไปธุระข้างนอกบ้าน ผู้เป็นแม่ปิดประตูอยู่ในห้อง แล้วนางก็หยิบเอาขวดน้ำมันมนต์มาทารอบคอ สักพักหัวกับตัวของนางก็แยกออกจากกันโดยมีตับไตไส้พุงห้อยติดออกมาด้วย เวลาที่ออกหากินจะเห็นเป็นแสงสีเหลือง และมีเสียงดังดุจลมพัดตลอดเวลาที่นางลอยไปเพื่อขับไล่สัตว์เล็กสัตว์น้อยที่จะเข้ามายุ่งกับพวงไส้ของนาง

*** หลังจากนั้น ผู้เป็นลูกเคยแอบเห็นแม่ทำจึงลองเอาน้ำมันมนต์ของแม่มาลองทาดูบ้าง ขณะที่หัวกำลังจะแยกออกจากตัว เด็กน้อยเกิดกลัวจนร้องโวยวายออกมาว่า "ช่วยด้วย หัวของฉันกำลังจะหลุดออกจากตัวแล้ว" จนชาวบ้านละ แวกนั้นได้ยินกันทั่ว แต่ไม่มีใครกล้าเยี่ยมหน้าเข้ามาให้ความช่วยเหลือ กระทั่งหัวของผู้เป็นแม่ลอยกลับมา เสียงร้องโวยวายก็เงียบลง หลังจากวันนั้น ครอบครัวนั้นก็ย้ายหนีไปจากที่นั่น และไม่มีใครได้พบเห็นอีกเลย กระทั่ง ปรากฏว่า มีข่าวแพร่สะพัดชาวบ้านร้านค้าลูกเด็กเล็กแดงต่างพากันหวาดกลัวผีกระสืออาละวาดกินเป็ดไก่ ได้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเขาภูดรแล้ว

*** โดยครั้งสมัยโบราณ เมื่อบ้านใดมีหญิงตั้งครรภ์ ชาวบ้านมักจะเชื่อกันว่า กระสือจะ ต้องไปที่บ้านหลังนั้น เพื่อกินรกเด็กอย่างแน่นอน จึงมักนำปลายไม้แหลมๆ และหนามไฝ่มาล้อมบ้านไว้ป้องกันผีกระสือเข้ามาบริเวณบ้านคลอดลูก เพราะเชื่อว่า เป็นสิ่งที่กระสือกลัวและเกลียดมากที่สุด เพราะเมื่อใดที่กระสือนั้นเข้าไปใกล้สิ่งของแหลมๆเหล่านั้น ไส้อันระโยงระยางของมันจะไปเกี่ยวกับไม้ และเป็นการยากที่จะไปได้เลย

*** ทางด้าน พระสุพรรณ(อนุตุตโร) หรือ(อาจารย์พระเตี๊ย) อายุ 61 ปี ศิษย์ก้นกุฏิอา จารย์ชื่อดังทางภาคตะวันออก แห่งวัดเขาภูดรนิ่มเสนาะ หมู่ 7 บ้านภูดรห้วยมะหาด ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง หลังจากทราบว่า..ชาวบ้านร้านค้าหมู่บ้านเขาภูดร-ห้วยมะหาด ต่างพากันแตกตื่นเรื่องผีกระสืออาละวาด..ทำให้ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วสารทิศ!!และบรรดาลูกเด็กเด็กแดงต่างหวั่นวิตกกังวลกลัวกันมาก ไม่กล้าจะออกไปไหนในเวลากลางคืน ต่างปักใจเชื่อกันว่าผีกระสือจริงๆ เกี่ยวกับเรื่องผีกระสือ อาตมา..ขอฝากเตือนประชาชนชาวบ้านร้านค้าอย่าตื่นตนกเกินไป จะทำให้เสียสติได้!! ถ้าหากกลัวมากให้ไปรดน้ำมนต์ที่วัดฯ และขอวัตถุมงคลไว้แขวนป้องกันเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจได้ เผื่อจะได้หายหวาดผวากันไปได้บ้าง? อาตมาไม่ได้ห้ามให้เชื่อ!! แต่เตือนสติว่า..อย่างมงายจนเกินไป ยุคนี้กับเมื่อสมัยก่อนนั้นจะแตกต่างกันมากนะโยม ควรเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ!! เจริญพร...

*** อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์รายงานเพิ่มเติมว่า ความเชื่อเรื่องกระสือนี้มีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของคนไทยโบราณและปัจจุบันหลายประการด้วยกัน เป็นต้นว่า 1.ผลกล้วยที่แกร็นทั้งเครือ จะเรียกว่า"กล้วยกระสือดูด" 2.คนตะกละกินหรือคนที่กินอย่างสวาปาม จะเรียกว่า "คนตะกละเหมือนผีกระสือ" หรือ "คนกินเหมือนผีกระสือ" 3.โคมชนิดหนึ่งซึ่งมีที่เปิดปิดไฟได้และมีแว่นฉายแสงไปได้วาบ ๆ เรียกว่า "โคมตาวัว" หรือ "กระสือ" 4.ไพลชนิดหนึ่งซึ่งเรืองแสงได้ในที่มืด เรียกว่า "ว่านกระสือ" อย่างไรก็ดีเกี่ยวกับเรื่องผีกระสือ ถือเป็นความเชื่อเฉพาะบุคคลเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ อะไรได้ ส่วนตัวตนจะเป็นคนที่ไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องผีสางหรือไสยศาสตร์มากนัก แต่เมื่อมาเจอเห็นกับตาเอง ก็ถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน แต่ก็อย่างมงายเกินไป นะขอรับ !?!