วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

P18

"ครูฮีโร่แม่พิมพ์ของชาติสุดยอดเยี่ยม"




*** อาสาพาไปสัมผัส..คุณ เสริมฉัตร จิรสัทธรรม เจ้าของสถานที่ ณ สวนบรรพชนจุลากาลสถิตน์สถานบรรพชนสยาม หมู่.1 ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยสถานที่ดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ และให้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับบุคคลในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นสถานที่ให้คำแนะนำ และได้มีการสอนวิธีการขี่ม้าที่ได้รับการติดต่อจาก..คุณครูบุญชู ม่วงไหมทอง ซึ่งคุณครูท่านเป็นแม่พิมพ์ของชาติ โดยรับราชการครูมาเป็นระยะเวลา 31 ปี เป็นคุณครูสอนอยู่ที่โรงเรียนวัดเขาบาย ศรี หมู่.5 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และชมรมสมาคมผู้ปกครองเด็กพิเศษ บ้านเขาบายศรี ได้แนะนำผู้ปกครองพาเด็กที่เป็นโรคออทิสติกมาคลายเคลียด โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า (อาชาบำบัด) เป็นวิธีที่ช่วยบำบัดโรควิธีหนึ่งได้ผลดี เพื่อจะทำให้เด็กที่เป็นโรคออทิสติก หรือ(เด็กพิเศษ) ได้มีสมาธินิ่งและอดทนเพลินเพลินมากยิ่งขึ้น

*** กระทั่งล่าสุด..ผลงานอันประทับใจที่รอคอยได้มาถึง..เมื่อคุณครูได้รับรางวัลยอดเยี่ยม จากรายการ 9 รวมใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ทางทีวีช่อง 9 โดยได้รับใบประกาศเกียรติคุณ ให้เพื่อแสดงว่า..ครูบุญชู ม่วงไหมทอง ได้รับการเชิดชูเกียรติในฐานะ เป็นบุคคลที่สร้างความดีให้กับสังคม จากฯพณฯท่าน..นายอภิสิทธิ์ เวชชาวีวะ นายกรัฐมนตรี อย่างน่าภาคภูมิ ใจเป็นอย่างยิ่ง นี่แหล่ะครับ..คุณครูยอดเยี่ยมของสังคม สมกับแล้วที่เป็น.. แม่พิมพ์ของชาติตัวจริงนะเนี่ย..!!

*** โดยเฉพาะ เด็กที่เป็นโรคออทิสติก หรือเรียกกันว่า (เด็กพิเศษ) ซึ่งเป็นภาระต่อสังคมอย่างมาก ถ้าไม่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อ เนื่อง จึงใช้วิธีนำม้าบำบัดโรคเป็นการพัฒนาสมองอย่างหนึ่ง เด็กที่เข้ามาบำบัดที่นี่ ได้มีการพัฒนามากขึ้น (อาชาบำบัด ) ทำให้เด็กมีสมาธิมากขึ้นและทรงตัวได้ดี จากเด็กที่เคยกลัวก็จะมีความกล้าและมีความสุขกับกิจกรรมที่ทำได้ เด็กที่มาฝึกไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กที่โรงเรียนนี้เท่านั้น เราได้เปิดกว้างให้เด็กที่เป็นโรคออทิสติก(เด็กเพิศษ)สามารถเข้ามารักษาได้ โดยเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย

*** วันนี้จะแนะนำให้ท่านได้รู้จักกับแม่พิมพ์ของชาติตัวจริง ท่านคือ..คุณครูบุญชู ม่วงไหมทอง และ คุณเสริมฉัตร จิรสัทธรรม โดยใช้วิธีการรักษาเด็กมานานกว่า 2 ปี ระยะหลังมีชาวต่างชาติสนใจเข้ามาช่วย และส่งเรื่องกลับไปที่ประเทศเดนมาร์ค และได้รับการตอบรับกลับมาได้เร่งเห็นว่าทางเราขาดบุคลากร จึงได้ส่งผู้ที่มีความรู้และศึกษาเกี่ยวกับโรคนี้มาช่วยเหลือ โดยทุกๆ 6 เดือนจะสับเปลี่ยนกันมาดูงานเพื่อช่วยเหลือ และต้องขอขอบคุณ..Mr.Patrick Rasmussen , Ms.Sine Lykke Olsen , Ms. Maja Car isen จากมหาวิทยาลัย Copenhagen ประเทศเดนมาร์ค จึงได้ขอบคุณที่ช่วยเหลือเด็กที่ด้อยโอกาส และอีกท่านคือ..คุณหมอ กฤติกา จากโรงพยาบาล กรุงเทพระยอง ท่านเป็นหมอรักษาและบำบัดเด็กออทิสติกโดยตรงท่านเห็นว่าวิธีการรักษานี้ดีมากทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้น และท่านได้บริจาคเงินช่วยเหลือคอกม้าอีกด้วย ทุกคนต่างขอบคุณท่านที่ได้ช่วยเหลือสนับสนุน และที่ลืมไม่ได้คือ..(เจ้าสายฟ้า) ม้าผู้ใจดี และนายฉัตรเทพ จิรสัทธรรม ที่ช่วยกันบำบัดรักษาเด็กเหล่านี้ให้บรรเทาเบาบางลงไปได้

P17

"เจ้หยกร่างทรงเทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ยเฉือนลิ้นแห่มังกรสิงโตแจกข้าวคนจน"




*** คนทรงเจ้า..เจ้หยก หรือคุณจุฑาทิพย์ เปิดใจทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์ว่า..ตนไม่ได้เอาตำหนักมาเป็นอาชีพแต่ประ การใด!! อาชีพของตน คือเป็นแม่ค้าขายอาหารเจในเวลาเช้าทุกวัน ที่บริเวณหน้าตลาดเทพจิดดาบ้านฉาง หลังจากที่เสร็จภาระกิจการงานแล้ว เมื่อมีผู้ที่นับถือศรัทธาเลือมใส เดินทางไปกราบไหว้บูชาองค์เทพเจ้าไฉ่ซิ้นเอี้ย ตนถึงได้อันเชิญ..องค์เทพเจ้าไฉ่ซิ้นเอี้ย (เทพจ้าแห่งโชคลาภ หรือเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง) มาประทับร่างของตน

*** ปัจจุบัน..ขึ้นชื่อว่ามนุษย์แล้วทุกคนต่างต้องการมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่สุขสบาย สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ แก้ว แหวน เงิน ทอง โดยเฉพาะมนุษย์ในยุคปัจจุบันนั้นให้ความสำคัญในด้านวัตถุมากกว่าด้านจิตใจ ต่างมุ่งหวังให้ชีวิตมีความเป็นอยู่ที่ถึงพร้อมด้วยปัจจัยสี่ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าผู้นั้นจะประกอบอาชีพทำการค้า (เป็นเจ้าของกิจการ) หรือ เป็นทรัพย์สมบัติ เงินทอง โชคลาภวาสนา มีกินมีใช้ไปจนแก่เฒ่าจนถึงลูกหลาน..

*** อดีตแต่โบราณชนชาวจีนมีคติความเชื่อว่าความเป็นอยู่ของมนุษย์นั้นได้รับความเมตตาจากฟ้าดินและสวรรค์ โดยเฉพาะสวรรค์นั้นจะมีเทพหลายๆองค์ที่คอยช่วยเหลือมนุษย์ที่เป็นผู้ปฏิบัติดีทั้งหลาย (เป็นคนดี) ให้มีชีวิตความเป็นอยุ่ที่สมบูรณ์ด้วยปัจจัยสี่ หนึ่งในบรรดาเทพทั้งหลายที่มีเมตตาคอยช่วยเหลือมนุษย์นั้น บรรพชนแต่โบราณต่างกราบไหว้ บูชา ขอโชคลาภ ทรัพย์สมบัติ เงินทอง จากเทพองค์นี้เป็นองค์แรกนับแต่วันขึ้นปีใหม่ (วันตรุษจีน) ก่อนเทพองค์อื่นๆราวกับว่ามนุษย์นั้นให้ความสำคัญกับเรื่องทรัพย์สมบัติ เงิน ทอง มากกว่าเรื่องอื่นๆ จึงกราบไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิ้นเอี้ยองค์นี้ก่อนองค์อื่นๆ ?!?

*** บรรพบุรุษของเราแต่โบราณกาลนั้นมีพิธีถวายเครื่องสักการบูชา..เทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือ เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ที่เรียกเป็นภาษาจีนว่า..เทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ย บูชากราบไหว้กันเป็นประจำทุกปีอย่างน้อยปีละครั้งในยามต้นๆของวันตรุษจีน โดยมีความเชื่อว่า..เทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ยจะมาประทานทรัพย์สมบัติ เงินทองโชคลาภ ให้แก่ผู้กราบไหว้ท่าน อธิฐานว่า..ข้าพเจ้า(ชื่อ- นามสกุล)ขอบารมีองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ และเทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ย ประทานทรัพย์สมบัติ เงิน ทอง โชคลาภทั้งหลายที่สวรรค์กำหนดให้ข้าพเจ้าตามวาสนา ขอให้เจริญในหน้าที่การงานมีต่ำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อยังประโยชน์มาสู่ตัวข้าพเจ้า และตระกูลของข้าพเจ้าตลอดไปด้วยเถิด!!

*** วันนี้อาสาพาไปพิสูจน์กับสิ่งเร้นลับ(ไม่เชื่ออย่าหลบลู่)..ตำหนักเทพเจ้าไฉ่ซิ้เอี้ย (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง) บ้านเลขที่ ซอยโรงก๊วยเตี๋ยว หมู่ 3 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ซึ่งเป็นร่างทรงองค์เทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ย ชื่อว่า..คุณจุฑาทิพย์(เจ้หยก) อิ่มจิตร์ อายุ 52 ปี เป็นร่างทรงมา 15 ปี โดยเฉพาะ เทศกาลตรุษจีนทุกปี ได้จัดพิธีอันเชิญ..องค์เทพเจ้าไฉ่ซิ้นเอี้ย (เทพแห่งโชคลาภ หรือเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง) ลงประทับทรงในพิธีการต่างๆ ปรากฏว่า..บรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งข้าราชการตำรวจ-ทหาร และพ่อค้าแม่ค้าประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางไปกราบไหว้บูชาองค์เทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ยกันเนืองแน่น ชมการแสดงขบวนมังกร แห่สิงห์โต เด็กไต่เสาสูงท่าผาดโผนน่าหวาดเสียว ร่างทรงเทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ยโชว์เฉือนลิ้นเลือดสาดกระเซ็น แจกฟรีข้าวสารอาหารแห้งและซองอั่งเปา!! ให้แก่..ชาวบ้านร้านค้าประชาชนต่างเข้าคิวรอรับของแจกฟรีกันอย่างเนืองแน่น.

*** คนทรงเจ้า..เจ้หยก หรือคุณจุฑาทิพย์ เปิดใจทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์ว่า..ตนไม่ได้เอาตำหนักมาเป็นอาชีพแต่ประ การใด!! อาชีพของตน คือเป็นแม่ค้าขายอาหารเจในเวลาเช้าทุกวัน ที่บริเวณหน้าตลาดเทพจิดดาบ้านฉาง หลังจากที่เสร็จภาระกิจการงานแล้ว เมื่อมีผู้ที่นับถือศรัทธาเลือมใส เดินทางไปกราบไหว้บูชาองค์เทพเจ้าไฉ่ซิ้นเอี้ย ตนถึงได้อันเชิญ..องค์เทพเจ้าไฉ่ซิ้นเอี้ย (เทพจ้าแห่งโชคลาภ หรือเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง) มาประทับร่างของตน เพื่อช่วย เหลือญาติโยมที่เดือดร้อนต่างๆ ที่มาพึ่งบารมีขององค์เทพเจ้าฯ ชาวบ้านร้านค้าประชาชนต่างพากันมาที่ตำ หนักทุกวัน เพราะเทพเจ้าฯ ลงมาโปรดผู้ที่มีความทุกข์..ให้โชคลาภถูกหวยกันทั่วหน้าที่ผ่านมา

*** ร่างทรงเทพเจ้าฯ เล่าให้ฟังว่า..เคล็ดลับของผู้มีฐานะร่ำรวย มั่งคั่ง มั่งมีศรีสุข ได้รับทรัพย์สมบัติ,เงินทอง, และโชคลาภ จาก..เทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ย มีดังนี้คือ 1.เป็นผู้ทำบุญมาก่อน ทำให้เป็นผู้มีวาสนา 2.เป็นคนดี มีความซื่อ สัตย์ กตัญญู หาเลี้ยงชีพโดยสุจริต 3.มีความขยัน อดทนในการทำงาน 4.มีสติปัญญาในการหาทรัพย์ รู้จักใช้ทรัพย์ และบริหารจัดการให้ทรัพย์สมบัตินั้นเกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น 5.รู้จักคุณค่าทรัพย์ที่ได้มาและรู้จักรักษาทรัพย์ (แท้จริงคุณ สมบัติทั้ง 5 ประการนี้) คือ คุณสมบัติและอุปนิสัยของเทพไฉ่ซิ้งอี้ยเมื่อครั้งที่ท่านยังเป็นมนุษย์ ถ้าผู้ ใดมีครบถ้วนในตนเองไม่มากก็น้อยได้ชื่อว่า..เป็นผู้มีทรัพย์สมบัติ โชคลาภ ไม่มีวันจนอย่างแน่นอน.

*** อย่างไรก็ตาม ผู้มีความทุกข์ร้อนใจต่างๆก็จะพากันไปหา..องค์เทพเจ้าไฉ่ซิ้นเอิ้ย (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือ เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง) ให้ช่วยดูดวงชะตาราษี,ขอโชคลาภ,บ้างก็ทุกข์เรื่องของหาย,สามี-ภรรยาหาย,ทุกข์เพราะเจ็บป่วย,ทุกข์เพราะมีคดีความ,หนี้สิน,และให้ช่วยเรื่องค้าขายที่ดินต่างๆ หลังจากสำเร็จได้โชคลาภ ก็มาแก้บ่นภาพยนต์,มโหรสพเป็นประจำ ตำหนักองค์เทพเจ้าฯแห่งนี้ไม่ได้มีการเรียกร้องเอาเงินเอาทองจากใครทั้งสิ้น!! ผู้ สำเร็จสมหวังดั่งใจ จะทำบุญกับตำหนักก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเจ้หยกร่างทรงฯ จะนำเงินที่ได้มาไปทอดผ้าป่าทำบุญแจกจ่าย..ช่วยเหลือคนจนและเด็กนักเรียนที่ขาดแคลน นี่แหล่..ร่างประทับทรงเทพเจ้าไฉ่ซิ้นเอี้ยตัวจริง !!

P16

"แม่สุดปลื้มน้ำตานองลูกบวชสามเณรภาคฤดูร้อนทดแทนพระคุณ"




***เมื่อเอ่ยถึง..วัดคลองทราย เดิมทีชาวบ้านเรียกว่า..วัดอู่ตะเภา ศิริวรรณ สังกัดมหานิกาย อยู่ในเขตปกครองคณะสงฆ์ ตำบลพลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ตั้งอยู่ในเขตสนามบินอู่ตะเภา สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2486 มีนามว่าที่พักสำสงฆ์ศรีสำเภาวนาราม มีเนื้อที่ประมาณ 59 ไร่ 55 ตารางวา จากนั้นทหารเรือได้เวนคืนที่ดิน เพื่อใช้ประโยชน์ใน ทางราชการ และย้ายเมื่อ พ.ศ.16 มาสร้างขึ้นใหม่ที่บ้านคลองทราย โดยทหารเรือได้จัดที่ดินสร้างขึ้นให้ใหม่ ประ มาณ 6 ไร่ แต่มิได้สร้างวัดในที่ดังกล่าว เพราะว่ามีผู้มีจิตศรัทธาถวายที่ดินเพื่อสร้างวัด คือ นางมาลัย ศิริวรรณ ได้ถวายที่ดินจำนวน 21 ไร่ 8 ตารางวา ให้เป็นที่ดินสร้างวัด ทางราชการได้อนุญาตให้สร้างวัด เมื่อ 30 ธ.ค.19 และกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศตั้งเป็นวัด 26 ก.ค.22 ใช้ชื่อว่าวัดคลองทราย และมีเจ้าอาวาสจนถึงปัจจุบัน

***นสพ.จันทร์ฮอตนิวส์ เชิญท่านไปสัมผัสที่..วัดคลองทราย เลขที่ 202/2 หมู่ 7 ถนนสายจอคู่-พลา ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โดยมี..พระครูไพบูลย์ วุฒิกร(เขมรรัต) อายุ 55 ปี เจ้าอาวาสวัดคลองทราย พร้อมด้วย พระอาจารย์ปลิง (กัลยาโณ) พระอาจารย์อดิศักดิ์ (มหาปุณโย) พระอาจารย์สมคิด (ปัญญาวชิโร) และสาเณรน้อย (เจ้าปัญญา) ได้เปิดโอ กาสให้ลูกหลานทุกคน ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน เข้ามาบวชเป็นสามเณร เพื่อเข้าฝึกอบรมวิชาการพุทธศาสนา มีทั้งภาคทฤษฎี คือ วิชาธรรมะ-พุทธประวัติ และภาคปฏิบัติวิปัส สนากรรมฐาน จุดประสงค์เพื่อพัฒนาบุตรหลานของเราให้เป็นคนดีในสังคม ซึ่งวัดคลองทรายทำโครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อนทุกปี โดยทุกท่านไม่เสียค่าใช่จ่ายใดๆทั้งสิ้น!! ซึ่งเป็นความประสงค์ของเจ้าอาวาสผู้ใจบุญนั้นเอง นอกนี้แล้วแต่ญาติโยมจะศรัทธาถวายทำบุญวัดคลองทราย และปีนี้ได้มีสามเณรมาบวชเป็นจำนวนมาก

***พระครูไพบูลย์ วุฒิกร (เขมรรัค) เจ้าอาวาสวัดคลองทราย ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เปิดใจว่า..ปัจจุบันเยาว ชนที่อยู่ในวัยการศึกษามีปัญหาหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านครอบครัวและจิตใจ การใช้เวลาว่างไม่เป็นประ โยชน์ วัดคลองทรายได้จัดให้มีการบรรพชาสามเณร เพื่อสืบทอดพระศาสนาเป็นการขัดเกรากิเลสและจิตใจ ทั้งได้เรียนรู้พระธรรมวินัยในด้านต่างๆ เพื่อเป็นประโยชน์ในอนาคตภายภาคหน้าให้คุณธรรมประจำใจตลอดไป ซึ่งในการรับบุตรหลานของศรัทธาญาติโยมทั้งหลายให้เข้ามาฝึกอบรมประ พฤติปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ เจริญภาวนา ปลูกจิตสำนึก ความรับผิดชอบ และพัฒนาการทางด้านจิตใจในช่วงปิดภาคการศึกษาฤดูร้อนนี้ให้ดีที่สุด..

***สังคมทุกวันนี้ ได้เปลี่ยนแปลงไปในการยั่วยุ มอมเมาเด็กและเยาวชนของชาติให้ลุ่มหลงทางด้านวัตถุ-วิดี โอเกมส์-สถานบันเทิงเริงรมย์ และอบายมุขต่างๆ เช่น การพนัน กัญชา ยาฝิ่น เฮโรอีน ผงขาว ทินเนอร์ แล็กเกอร์ กาว ตลอดถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ ซึ่งมีอิทธิพลจูงใจให้เด็ก เยาวชนมีความประพฤติเสียหาย ก่อปัญหาความเดือด ร้อนแก่ผู้ปกครอง และสังคมไทยแก้กันแทบไม่ไหวอยู่เวลานี้ ซึ่งในการบรรพชาสามเณรหมู่ภาคฤดูร้อนขึ้นมานั้น เพื่อพัฒนาคุณภาพเด็กและเยาวชนของชาติให้เป็นผู้มีระเบียบ วินัย มีความรู้ความสามัคคี มีความประพฤติสุภาพเรียบร้อย และมีคุณธรรมประจำใจ เพื่ออนาคตที่ดีและเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ

***สำหรับ การพัฒนาก่อสร้างสิ่งต่างๆที่ชำรุดทรุดโทรมภายในวัดคลองทราย ซึ่งกำลังจะขยายสร้างที่พักไว้ให้ผู้สนใจเข้ามาประพฤติปฏิบัติธรรมต่างๆ และวัดคลองทราย..ขอเชิญร่วมทำบุญสมทบทุนสร้างพระวิหาร (หลวง พ่อโสธร) โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างจำนวนมาก (แต่ยังขาดจะตุปัจจัย) ขอเรียนเชิญท่านผู้ใจบุญมีจิตศรัทธา ร่วมใจช่วยบริจาคทรัพย์ก่อสร้างฯ เพื่อลูกหลานของท่านในอนาคต หรือถวายปัจจัยเลี้ยงอาหารสามเณรภาคฤดูร้อนได้เสมอ โดยมี..พระครูไพบูลย์ วุฒิกร เจ้าอาวาสผู้ใจบุญแห่งวัดคลองทราย ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระ ยอง (สุดยอดเกจิอาจารย์ดังท่านหนึ่ง) หรือจะให้ท่านอาจารย์ท่านทำนายโชคชะตาราศี เสดาะห์เคราะห์ ให้โชค และมีวัตถุมงคลของขลังที่มีประสบการณ์ หรือโทร.089-5405112

***อย่างไรก็ตาม โครงการบรรพชาสามเณรหมู่ภาคฤดูร้อน จัดขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระสมสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 83 พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถโดยมี..พระครูไพบูลย์ วุฒิกร เจ้าอาวาสวัดคลองทราย ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ซึ่งเป็นประธานโครงการบรร พชาสามเณรหมู่ ด้วยความตั้งใจจริงพร้อมทั้งคณะสงฆ์ทุกปี และการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน ที่เด็กนักเรียนปิดภาคฤดูร้อน นับว่าเป็นการช่วยให้เด็กได้รับการอบรมธรรมมะ ให้รู้จักรักบุญ กลัวบาป เลิกละอบายมุข เราผู้ที่เป็นทั้งผู้อนุโมทนา หรือผู้ร่วมบุญ และผู้จัดงาน ย่อมได้อนิสงส์นับประมาณค่ามิได้เลย สาธุ..สาธุ..!!

P15

"ลิงแสนรู้เลี้ยงเด็ก"





***ลุงนพไก่หมุนบ้านฉาง (ลิงแสนรู้) ย่อมเป็นที่รู้จักกันดีทั้งลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ เจ้าของร้านสูตรไก่หมุนรสเด็ดน่าลิ้มลองรสชาติแสนอร่อยสุดยอดโอชะ!! ลูกค้าประจำของร้านต่างก็รู้ดีว่าเอกลักษณ์โดดเด่นของร้านนั่นคือ..(ลิงแสนรู้) นั่งไขว่เปลเลี้ยงเด็ก และเฝ้าร้านลุงนพขายไก่หมุนที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งเมืองระยองฮิ..


***เรื่องราวแปลกพิศดาร..(น้องหอย ลิงแสมแสนรู้) ที่เป็นตัวแทนเจ้าของร้าน มีความสามารถไขว่เปลเลี้ยงเด็กน่าแปลกประหลาดจริงๆ..แถมนั่งขายไก่หมุนเฝ้าหน้าร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจนเหงือกแห้ง..และชอบนั่งรถมอ เตอร์ไซด์ไปเที่ยวตลาด-ชายหาดน้ำริน-หาดพยูน และหาดพลา ทำให้ผู้พบเห็นมีโอกาสเจอ..(น้องหอย ลิงแสนรู้) โปรยยิ้มด้วยใบหน้าบานฉ่ำ..นอกจากความฉลาดน่ารักของพฤติกรรมต่างๆดังกล่าวมาแล้วนี้ เจ้าหอยยังเป็นลิงที่มีนิสัยรักสวยรักงามรักความสะอาดยามว่างชอบนั่งส่องกระจกอาบน้ำ แปะแป้งก่อนเข้านอนเป็นประ จำวัน อาหารโปรดชอบกินแกลงกะทิหมูราดข้าวผิดแตกต่างไปจากพฤติกรรมของลิงโดยทั่วไปที่เคยปรากฏ

***ทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์ อาสาพาไปรู้จัก..ร้านลุงนพไก่หมุน(ลิงแสนรู้) ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท หมู่บ้านเนินกระ ปรอก ปากซอยเทศบาล 64 หมู่ 3 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เมื่อไปถึงที่ร้าน..คุณลุงนพ อ่อนน้อม อายุ 58 ปี และป้าวันดี อ่อนละมุน อายุ 56 ปี สองสามีภรรยา เจ้าของร้านไก่หมุนบ้านฉาง เล่าให้ฟังว่า..เจ้าหอย หรือเรียกกันว่า..น้องหอย เป็นลิงแสม เพศเมีย อายุ 24 ปี ซึ่งนำ มาเลี้ยงได้ 5 ปีแล้ว โดยก่อนหน้านี้ ตนได้บังเอิญไปพบเห็นลิงถูกขังอยู่ในกรง จึงรู้ สึกสงสารนำอาหารให้เป็นประ จำ ต่อมาเจ้าของคนเดิมเห็นว่า ตนเป็นผู้มีจิตใจรักและเมตตาเจ้าลิงแสมตัวนี้จากใจจริง จึงใจอ่อนยอมให้นำมาเลี้ยง โดยก่อนหน้านี้น้องหอยค่อนข้างนิสัยดุร้าย แต่ไม่นานนักมันก็เริ่มเชื่องไม่กลัวคนและแสนรู้ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแก่ผู้พบเห็นประจำร้านทุกวันนี้

***ด้วยความฉลาดน่ารักของน้องหอยลิงแสมแสนรู้ตัวนี้นี่เอง ทำให้คนร่ำลือว่ามีลิงแสนรู้ช่วยเจ้าของขายไก่หมุน ทั้งไขว่เปลเลี้ยงเด็กอ่อน ที่มีความฉลาดและนั่งเฝ้าร้านให้อีกด้วย ผู้คนจึงต่างพากันเดินทางไปที่ร้านไก่หมุนลุงนพ ทุกคนต่างชื่นชมกับความน่ารักของน้องหอยย่างไม่ต้องกลัวผิดหวัง สร้างความสนใจให้แก่ผู้พบเห็นเป็นยิ่งนัก (น้องหอย ลิงแสนรู้)มีพฤติกรรมผิดแผกแตกต่างจาก..ลิงแสมทั่วไป ที่มีความสามารถเลี้ยงเด็กและขายไก่หมุนแทนเจ้าของร้านที่เป็นเพิงสังกะสี ซึ่งน้องหอยได้ส่งเสียงเหมือนจะบอกให้เจ้าของรู้ว่ามีลูกค้าเข้ามาซื้อของ..

***ลุงนพ อ่อนน้อม เล่าให้ฟังอีกว่า..ก่อนที่ตนจะนำลิงมาเลี้ยงเห็นมันถูกเจ้าของเดิมขังและล่ามโซ่ไว้ข้างบ้าน เจ้าของเดิมบอกนำมาจากประเทศเขมร ตั้งแต่อายุ 5 เดือนแต่ไม่มีเวลาเลี้ยง ตนรู้สึกสงสารจึงนำอาหารไปให้เป็นประจำจนสุดท้ายเจ้าของเดิมยอมยกให้ตนมาเลี้ยง แรกๆน้องหอยก็เหมือนกับสัตว์ทั่วไปที่ยังไม่คุ้นเคยกับคนคือจะมีนิสัยดุร้าย แต่หลังจากเลี้ยงไประยะหนึ่งก็คุ้นเคยและเป็นคนให้อาหารทุกวัน วันหนึ่งลองตัดโช่ทิ้ง ปล่อยออกจากกรง ปรากฏว่า..น้องหอยกลับมีพฤติกรรมดุร้ายอย่างเจ้าของเดิมบอก และนั่งนิ่งเฉย ไม่ยอมไปไหน..

***จากนั้น ลุงนพพูดขึ้นกับมันว่า..ถ้าอยากอยู่กับพ่อให้ทำตัวเรียบร้อยอย่าทำร้ายใคร ตั้งแต่นั้นมา ปรากฏว่า.น้องหอยไม่ทำร้ายใคร ต่อมาเจ้าหอยเริ่มมีพฤตกรรมเลียนแบบคน ชอบนั่งรถมอเตอร์ไซด์ไปเที่ยวตลาด-ชายหาดทะเลแทบทุกวัน เวลาไปตลาดน้องหอยจะกระโดดขึ้นที่เบาะใช้มือจับหน้ารถไว้ พอถึงตลาดน้องหอยจะนั่งคอยอยู่บนรถจนกว่าเจ้าของจะซื้อของเสร็จ บางครั้งจะลงไปด้วย แต่ไม่ค่อยให้ไปเพระกลัวโดนสุนัขกัด และน้องหอยยังชอบให้อาบน้ำทุกวัน อาบน้ำเสร็จก็ต้องปะแป้งส่องกระจกเองก่อนนอน พอรุ่งเช้า..ลุงนพและป้าวันดี จะไปที่ร้านขายไก่หมุน น้องหอยได้ยินเสียงจะโดดขึ้นหน้ารถทันที ถ้าไปต่างจังหวัดจะนั่งเบาะข้างเจ้าของทุกครั้ง

***ป้าวันดี เล่าให้ฟังว่า..เมื่อมาถึงร้านมันจะวิ่งมานั่งเฝ้าที่หน้าร้านไก่หมุนประจำ หากมีลูกค้าเข้ามาจะส่งเสียงร้องเจี๊ยกๆ จนทำให้ลูกค้าสนใจในความแสนรู้ความสามารถของมัน สำหรับอาหารน้องหอย ชอบกินแกลงขี้ เหล็กแกลงกะทิหมู ต้องซื้อให้กินทุกวัน และชอบกินน้ำอัดลมใช้ช้อนตักน้ำแข็งกินหยิบหลอดมาดูดน้ำกินเอง ใน ช่วงฤดูหนาวน้องหอยจะหยิบเสื้อมาสวมใส่เอง โดยสวมเสื้อยืดให้หน้าโผล่ออกมา และยังชอบเล่นอุ้มแมวในช่วงกลางคืน และเวลาปวดท้องฉี่ก็เดินไปห้องน้ำ ส่วนเรื่องเจ็บป่วยก็ไม่เคยมี แต่ลุงนพพาไปฉีดวัคซีนตลอด น้องหอยเป็นลิงแสนรู้ที่ชาวหมู่บ้านใกล้เคียงรักเอ็นดู เพราะเป็นลิงแสนรู้เฝ้าหน้าร้านลุงนพไก่หมุน จนกลายเป็นเอก ลักษณ์ของร้าน เป็นดาราหน้ากล้องไปแล้ว โดยเฉพาะเด็กๆจะชอบหยอกเล่นในกับน้องหอยเป็นอย่างดี

***อย่างไรก็ตาม หากท่านใดอยากสัมผัสเจอกับความทะเล้นน่ารักของ..(น้องหอย ลิงแสนรู้) ก็สามารถเดิน ทางไปที่..ร้านลุงนพไก่หมุน ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท หมู่บ้านเนินกระปรอก ปากซอยเทศบาล 64 หมู่ 3 ถนนสุขุมวิท ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง เมืองฮิ ก็จะเจอ..เจ้าหอยฉลาดน่ารักนั่งเลี้ยงเด็กขายไก่หมุนยิ้มแป้น..เชิญลิ้มลองส้มตำรสแซบ ไก่ทอดกรอบอร่อยรสโอชา..

P14

"คลอดลูกพิศดาร"




*** สาวสัตหีบวัย 26 เจ็บท้องคลอดทนไม่ไหวลูกไหลออกมาในรถยนต์ ขณะนำส่งโรงพยาบาลตรงข้ามหน้าสนามกีฬาราชนาวี ถนนสายสัตหีบ-ระยอง เดชะบุญไม่เป็นอะไร คงเป็นโชควาสนาดี เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือทารกเพศชายร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดี ต้อนรับวันแม่ของแผ่นดิน..

*** ทีมข่าว นสพ.จันทร์ฮอตนิวส์รายงานว่า..นายชัยวัฒน์ พันธุ์เวช อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/114 หมู่ที่ 5 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่าขณะนำตัว นางสมใจ วิทยานุกูล อายุ 26 ปี ซึ่งตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน มีอาการเจ็บท้องอย่างกะทันหัน ขึ้นรถเก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นแลนเซอร์สีบอร์น หมายเลขทะเบียน กน-4904 ชลบุรี เพื่อไปส่งตรวจที่โรงพยาบาลสัตหีบ กม.10 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ปรากฏว่าได้เกิดเจ็บท้องอย่างหนัก ในที่สุดได้คลอดลูกออกมาภายในรถเก๋งคันงาม ขณะนำตัวส่งรพ.อย่างเร่งด่วนแล้ว

*** เมื่อได้รับทราบว่า สาวท้องแก่เกิดอาการเจ็บท้องน้ำเดินกะทันหัน ใกล้คลอดเต็มที ทีมข่าวจึงได้ไล่ติดตามรถสาวเจ็บท้องมาตามถนนสุขุมวิท สาย 3 มุ่งหน้าไปทางอ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อให้ทันรถคันดัง กล่าว ปรากฏว่า เมื่อมาถึงหลักกิโลเมตรที่ 180 ตรงข้ามกับสนามกีฬาราชนาวี กิโล 5 หมู่ที่ 7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เส้นทางสัตหีบ-ระยอง นางสมใจ ทนไม่ไหวได้ปล่อยให้บุตรไหลออกมาขณะที่นอนอยู่เบาะหลังของรถ โดยมีนางนฤมล พันธุ์เวช อายุ 33 ปี คอยดูแล ประคับประคองทั้งแม่และเด็ก สายสะดือยังติดกับตัวแม่ นอนแน่นิ่ง แน่นหายใจไม่สะดวก และจากการไล่ติดตามพบว่าการนำส่งเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะรถเก่า สภาพการจราจรติดขัดอย่างมาก เนื่องจากเป็นเวลาเร่งด่วนที่ข้าราชการกองทัพเรือ ลูกจ้าง พนักงาน ก็รีบเร่งขับรถแข่งเวลาไปทำงานตามสถานที่ต่างๆ

*** นายชัยวัฒน์ พันธุ์เวช เปิดเผยว่า นางสมใจ วิทยานุกูล เป็นญาติห่างๆ มีปัญหากับสามีจึงได้ขนเสื้อ ผ้ามาขอพักอาศัยอยู่ด้วยเมื่อวันที่ 23 เมษายน ด้วยสภาพตั้งครรภ์ แต่ไม่มีอาการเจ็บท้องแต่อย่างใด พอตอนเช้าของวันนี้ นางสมใจบอกว่าเจ็บท้องมากจึงได้สอบถามปรากฏว่าได้ตั้งครรภ์ครบ 9 เดือน จึงได้รีบพาขึ้นรถ โดยให้ภรรยาคอยดูแลไปด้วยที่เบาะหลัง ปรากฏว่า นางสมใจได้ร้องโอดครวญเจ็บท้องอย่างหนักแบบกระทันหัน ตนพยายามรีบเร่งความเร็วที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถจะรีบได้เพราะการจราจรในพื้นที่ของอ.สัตหีบ ในช่วงเช้า-เย็นติดขัดเป็นอย่างมาก ข้าราชการทหาร-ตำรวจ พ่อค้าประชาชน ต่างออกจากบ้านไปทำงานในเวลาใกล้เคียงกันมาก ทำให้ไปส่งคลอดลูกไม่ทัน เป็นเหตุให้ไหลลูกออกในรถของตน

*** อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รถรับนางสมใจ ไปถึงโรงพยาบาลสัตหีบ กม.10 ได้มีเจ้าหน้าที่ห้องคลอดรีบมารับตัว และตัดสายสะดือ อุ้มออกจากรถเข้าไปยังห้องคลอดอย่างเร่งด่วน เพราะดูสภาพเด็กตัวแห้ง และเริ่มเขียว แต่ยังมีเสียงร้องอุแว้..อุแว้..ส่งสัญญาณว่า เด็กยังอยู่ในอาการที่ปลอดภัย และแข็งแรงยังไม่เป็นอะไร จากนั้นทางด้านแพทย์ก็ออกมาบอกว่าแม่ และเด็กปลอดภัยดีด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งทางด้านนายชัย วัฒน์ หรือดิ่ง ผู้ที่ขับรถยนต์นำสาวเจ็บท้องมาส่งที่ รพ.สัตหีบ กม.10 จึงได้พยายามติดต่อญาติ เพื่อแจ้งให้พ่อ-แม่ และสามีของนางสมใจได้รับทราบว่า ตอนนี้แม่และเด็กทารกปลอดภัยดี ขอให้มาดูได้แล้ว.

P13

"หน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธธรรมบ้านฉาง"



***ปัจจุบัน อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เป็นเมืองหลักของภาคตะวันออกแห่งหนึ่ง ที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การคมนาคม ซึ่งอยู่ในส่วนของโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด มีแหล่งพักอาศัยของผู้เข้ามาทำงานในเขตพื้นที่และใกล้เคียง ประกอบกับมีแหล่งนักลงทุนในเชิงธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยวอยู่มาก โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอบ้านฉางตามแผนของสภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติกำหนดให้เป็นที่อยู่โดยเฉพาะชาวต่างประเทศมาพักเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเป็นศูนย์ซ่อมอากาศยานแห่งที่ 2 พร้อมด้วยสายการบินภายในและต่างประเทศของสนามบินนานาชาติ รวมทั้งเป็นที่ขนส่งสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศไทย และการศึกษาที่มีขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากยังขาดความรู้ ความเข้าใจเทคโนโลยีสมัยใหม่ อีกทั้งสังคมยังขาดมาตรการที่เข้มงวดในการจัดระเบียบของสังคมที่ดี จึงยังผลให้มีการทำลายสิ่งแวดล้อมมากขึ้นนำมาซึ่งเกิดภัยพิบัติ และอุบัติเหตุต่างๆ มากขึ้นที่ทวีความรุนแรงมากกว่าเดิม ก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินมากมายมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้ว “อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการจราจร”

***นายเกษม การประเสริฐกิจ ประธานสมาคมพุทธธรรมสงเคราะห์(ฝ่ายสาธารณภัย) อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เปิดใจทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์ว่า..ผู้สบอุบัติเหตุจากการจราจรในพื้นที่ จ.ระยอง โดยเฉพาะ อ.บ้านฉาง-มาบตาพุด นับวันจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น อีกทั้งความรุ่นแรงของผู้ได้รับบาดเจ็บยิ่งทวีความรุ่นแรงมาก การลำเลียงนำผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุของยานพาหนะตามถนนหนทางหรือจากอุบัติภัยของสารเคมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นแก๊สจะรวด เร็ว และรุนแรงเกินความคาดหมายของประชาชน ฉะนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ “สมาคมพุทธธรรมสง เคราะห์บ้านฉางฝ่ายสารธารภัย”ได้จัดตั้งหน่วยช่วยเหลือผู้ประสบทั้งทางบก และทางน้ำ จึงต้องมีแผนรองรับและมีการประ สานงานทางราชการเพื่อปรับแผนเข้าด้วยกันกับหลายหน่วยงานเพื่อให้เกิดการทำงานที่เป็นระบบเป็นขั้นตอน และถูกต้องในการช่วยเหลือซึ่งจะทำให้การดำเนินการกู้ชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถป้องกันประชาชนให้ประสบอันตรายให้น้อยที่สุด รวมทั้งบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกู้ชีพต้องผ่านการอบรมอย่างถูกต้อง โดยในการลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงบาลนั้น พบว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ถูกนำส่งโดย..กู้ภัยสมาคมพุทธธรรมบ้านฉาง จับมือกับหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสยามร่วมใจ และใน 20 เปอร์เซ็นต์ ถูกนำส่งโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือประชา ชนผู้ใจบุญพบเห็นการณ์ สมาคมพุทธธรรมสงเคราะห์ บ้านฉาง เป็นองค์กรภาคเอกชนที่จัดตั้งสมาคมฯ ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2516 ให้เป็นการช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและไร้ญาติขาดมิตรมาโดยตลอด ซึ่งทางสมาคมฌาปณกิจสงเคราะห์ พุทธธรรมสงเคราะห์ บ้านฉาง-ระยอง โทร.038-695043 โดยจะรับผิดชอบในพื้นที่ อ.บ้านฉาง และเขตที่ใกล้เคียง ให้การสนับ สนุนกิจ กรรมต่างๆ ของทางราชการ ตลอดทั้งด้านการกุศล การศึกษา ศิลปะวัฒนธรรม และสาธารณะอื่นๆ รับแจ้งเหตุให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชม. โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น

***นายพีรเดช พรหมเจริญ ผจก.ฝ่ายสาธารณภัย สมาคมพุทธธรรมสงเคราะห์บ้านฉาง เปิดใจทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์ว่า..สมาคมพุทธธรรมสงเคราะห์บ้านฉาง เป็นองค์การภาคเอกชนที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือสังคมอีกทางหนี่ง โดยไม่คำนึงถึงค่าตอบแทนแต่อย่างใด ซึ่งการดำเนินงานของสมาคมฯ มิได้มีการแสวงหาผลประโยชน์ ทุกฝ่ายควรให้การสนับสนุน และในการที่สมาคมฯได้จัดการประชุมหรืออบรมอาสาสมัครทุกครั้งจะเชิญวิทยากรผู้ทรง คุณวุฒิ ที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ นำมาให้ความรู้แก่สมาชิก และมีการอบรมอย่างต่อเนื่องในการช่วยเหลือ-บรรเทาสาธารณภัย ในการกู้ชีพนับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่อาสาสมัครที่ได้รับความรู้ความเข้าใจ และกฎระเบียบต่างๆ เกี่ยวข้องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ อำเภอ และโรงพยาบาลสาธารณสุข นับว่าเป็นการสร้างความ คุ้นเคยในการที่จะมีประโยชน์ในการประสานงาน และผนึกกำลังในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อช่วยเหลือสังคม และทางราชการ ทั้งในด้านสาธารณกุศลต่างๆ ตลอดทั้งการสาธารณภัย สาธารณประโยชน์อื่นๆนับว่าเป็นเกียรติอันสูงส่ง ที่สมาคมพุทธธรรมสงเคราะห์ ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานราชการ และหน่วยงานเอกชน-ประชาชนอำเภอบ้านฉางและพื้นที่ใกล้เคียงด้วยดี “การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้รอดชีวิตและรอดพ้นจากการเจ็บป่วยที่ทุกข์ทรมาน นับเป็นการสร้างผลบุญที่มีคุณค่าสูงสุดที่มนุษย์สามารถมอบให้แก่กันได้” จากหลักการดังกล่าวถือว่าเป็นหัวใจในการปฏิบัติหน้าที่ และยึดถือปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาของสมาคมพุทธธรรมสงเคราะห์บ้านฉาง มีความพร้อมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ในการเกิดอุบัติภัยต่างๆ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ ประสบภัยได้รับการช่วยเหลือทันต่อเหตุการณ์ที่รวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ลดความพิการอันเนื่องจากอุบัติเหตุซึ่งมีการเตรียม รับเหตุฉุกเฉิน ตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง

***นายพีรเดช เปิดใจอีกว่า..เป้าหมายที่สำคัญอีกประการหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บคือ การเร่ง ด่วนเพื่อนำส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุให้รวดเร็วที่สุดด้วยความระมัดระวัง ยานพาหนะที่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือเบื้องต้นอย่างทันยุคทันสมัยต่อเหตุการณ์ พยายามจัดหาบุคลากรที่มีความรู้ ความเข้าในในการปฏิบัติ งาน จนทุกวันนี้มีอาสา สมัครที่คอยช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้งทางบกและทางน้ำ ประมาณกว่า 100 นาย โดยทุกท่านเข้ามาเป็นสมาชิกอาสาสมัครนั้นต่างมาด้วยจิตใจที่สร้างกุศล ไม่มีค่าจ้างค่างวดแต่อย่างใด ส่วนการรับสมัครสมาชิกเราไม่ได้รับแบบใครมาสมัครก็รับ เรารับสมัครต้องมีผู้รับรอง มีการสอบประวัติ และส่งประวัติไปที่ สภ.บ้านฉาง ดูแลการปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบความประพฤติ นิสัยใจคอ และอีกหลายอย่างประกอบกัน ส่วนที่เน้นเป็น พิเศษก็คือ (เรื่องยาเสพติด และทรัพย์สินของผู้เสียหาย) ทางฝ่ายสาธารณภัยจะห้ามเด็ดขาด หากสืบทราบว่ามีอา สาสมัครท่านใดที่มีความประพฤติดังกล่าว ทางเราจะปลดออกทันที และนำส่งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเพื่อดำเนิน การตามกฎหมายบ้านเมืองทันที เพราะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงทางสมาคมพุทธธรรมสงเคราะห์เป็นอย่างมาก

*** นายณัฐพงษ์ กุลปรีดา ที่ปรึกษาฝ่ายสาธารณภัย สมาคมพุทธธรรมสงเคราะห์บ้านฉาง เปิดใจทีมข่าวจันทร์ฮอนิวส์ว่า..ตนได้สนับสนุนอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านสื่อสารติดต่อทางราชการให้มีประสิทธิ ภาพในการใช้รับ-ส่ง ข่าวสาร อย่างถูกต้องต่อหน่วยงานที่สำคัญ เช่น สภ.บ้านฉาง อำเภอ เทศบาล ดับเพลิง และศูนย์ข่าวเพื่อเป็นการประสานงานด้านการสื่อสารให้ฉับไวทันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งงานช่วยเหลือสังคมให้จัดรถยนต์ฉุกเฉินร่วมโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและรวมทั้งบริจาคโลงศพ เก็บศพผู้ยากไร้ไม่เลือกเชื่อชาติศาสนา ซึ่งถือเป็นงานหลักและตรงตามวัตถุประสงค์ของคณะกรรมการ สมาคมพุทธธรรมสงเคราะห์บ้านฉาง และสนับสนุนหน่วย งานราชการต่างๆ เข้าร่วมงานกิจกรรมต่างๆ ที่ทางจังหวัดจัดขึ้นในด้านของการพัฒนาท้อง ถิ่น ด้านเสบียงอาหารเครื่องสาธารณูปโภคต่างๆ ทั้งในและนอกพื้นที่อีกด้วย สำหรับ การทำงานในพื้นที่เขตอำเภอบ้านฉางนั้น กู้ภัยสมาคมพุทธธรรมบ้านฉาง ( พ้งไล้ เช็กเชียวเกาะ) ได้ประสานงานการทำงานกับหน่วยกู้ภัยต่างๆกันดีเสมอมา ในกรณีการเกิดอุบัติเหตุที่หนักเกินกำลังเข้าช่วยเหลือก็จะประสานงานหน่วยที่ใกล้เคียงเข้าร่วมมือเป็นอย่างดี อุบัติเหตุในบ้างครั้งที่เกิดขึ้นนั้นน้อยครั้งที่อาสาสมัครหลายหน่วยงานหรือรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล จะเป็นผู้พบเห็นเหตุการณ์ซะมาก กว่า จึงควรให้พวกเขามีส่วนร่วมให้มากกว่านี้คือ จัดให้มีการรณรงค์ในวงกว้างให้ประชาชนทราบในการที่จะแจ้งข่าวสารเพื่อความช่วยเหลือ ตลอดจนให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปในเรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการเคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บให้ถูกต้องรวดเร็วจะมีผลดีแก่การช่วยเหลือให้ทันท่วงที นายณัฐพงษ์กล่าวในที่สุด

***อย่างไรก็ตาม เราได้เห็นการทำงานของ..สมาคมพุทธธรรมสงเคราะห์บ้านฉาง ได้รับใช้สังคมประชา ชน ชาวอ.บ้านฉาง จ.ระยอง อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย และเอาจริงจังกับหน้าที่รับผิดชอบอย่างนี้แล้ว ก็นึกอิจฉาชาวบ้านไม่ได้ ซึ่งก็อยากจะฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชน ควรให้การสนับสนุนผู้เขาเหล่านี้ เขายินดีรับบุญจากท่านตลอดเวลา หรือมีเหตุด่วนร้าย ฉุกเฉินทุกรูปแบบ โทร.038-695043 ตลอด 24 ชม. ดังนั้น ฝากให้กู้ภัยสมาคมพุทธธรรมบ้านฉางทุกท่าน จงรักษาความดีให้เหมือนกับเกลือรักษาความเค็มตลอดไป...

P12

"ระยองไล่ล่าพญาคางคกใบ้หวยสุดพิศดาร"





*** บรรดาเซียนหวยฮือฮา..พญาคางคกให้หวยแม่น ชาวบ้านฉางเชื่อเป็นเจ้าแม่อุทัยเทวี ออกไล่ล่าคางคกทำพิธีจนหมดหมู่บ้าน เซียนหวยตั้งราคาซื้อตัวละ 30 บาท เผยพิธีขอหวยพิสดาร ของบรรดาพ่อม่าย-แม่ม่ายต้องมอมเหล้าคางคกก่อนถูกท้องหาเลขเด็ด เตรียมตั้งศาลอัญเชิญเจ้าแม่อุทัยเทวีประทับร่างทรง..


*** ทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์ได้รับทราบว่า..พบคางคกใบ้หวย บรรดาเซียนทั้งหลายแหล่แห่ไปขอโชคลาภต่างถูกรางวัลกันมา 3 งวดแล้ว ส่งผลทำให้ชาว บ้านไล่ล่าจับคางคกเพื่อนำมาทำพิธีขอหวยกันโจ๋งครึ่ม หลังจากนั้นจึงได้เดินทางไปยังบ้านเลข ที่ 18/52 หมู่ 3 ซอยโรงก๋วยเตี๋ยว ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อไปพิสูจน์เรื่อง ราวดังกล่าว ได้พบชาวบ้านจำนวนหนึ่งราว 20 คน กำลังทำพิธีบูชาขอหวยคางคกด้วยการนำแป้งมาทาที่บริเวณท้องคางคกเพื่อถูหาเลขเด็ด


*** นางแสวง คงคาศรี อายุ 68 ปี เปิดใจผู้สื่อข่าวว่า..วิธีหาหวยจากคาง คกนั้นตนเองได้ทราบมาจากมารดา เป็นความเชื่อตามวิชาโบราณกาลว่า "คางคก" ก็คือ "เจ้าแม่อุทัยเทวี" ที่ได้กลับชาติมาเกิด และพร้อมที่จะให้โชคลาภ ตนเองจึงได้ทำพิธีขอเลขเด็ดมาโดยตลอดแต่ไม่เคยบอกให้ใครรู้ถึงเคล็ดลับทำวิธีการ จนเมื่อ 2-3 งวดที่ผ่านมาตนเองโชคดีถูกหวยติดต่อกันโดยเฉพาะงวดที่ผ่านมาถูกเลข 07 ได้รับเงินมาจำนวนหนึ่งซึ่งมากโข ชาวบ้านได้ทราบข่าวและรู้เรื่องพิธีการขอหวย เมื่อข่าวแพร่กระจายไปทำให้ในช่วงสัป ดาห์ ที่ผ่านมาชาวบ้านทั้งผู้ใหญ่และลูกเด็กเล็กแดงต่างไล่ล่าจับคางคกไปทั่วบริเวณโดยรอบ ส่งผลให้คาง คกหายากขึ้น จากที่เคยมีจำนวนมากตามใต้ถุนและในช่วงนี้คางคกหายากมาก บรรดานักเสี่ยงโชคเซียนหวยจึงได้ว่าจ้างให้เด็กจับคางคกมาขายให้ โดยสนน ราคาตัวละ 10-30 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดเล็กหรือใหญ่


*** นางแสวงเล่าว่า เคล็ดลับการขอหวยจากคางคกว่า เริ่มจากมีการจับคางคกมาขังไว้ในกะลาครอบ 3 วันก่อนถึงวันออกผลสลาก พอตกกลางคืนเงียบสงัดจึงนำคางคกออก มาไหว้บูชาด้วยธูปเทียน ดอกไม้ เหล้าขาว และแผ่นทองคำเปลว จากนั้นตั้งใจอธิษฐานขอโชคลาภจากแม่อุทัยเทวี แล้วกรอกเหล้าขาวประมาณ 3-4 ฝาเครื่องดื่มชูกำลังใส่ปากคางคก กระทั่งตัวแดงกร่ำแล้วใช้แผ่นทองคำเปลวสอดใส่ปากให้คาบไว้ จากนั้นจับหงายท้องโรยด้วยแป้งฝุ่นหอมใช้นิ้วมือลูบเบาๆ กระทั่งปรากฏตัวเลขขึ้นชัดเจน แต่มีข้อแม้ผู้กระ ทำพิธีขอหวยจากคางคก ถ้าจะให้เจ็งจะต้องเป็นพ่อม่าย-แม่ม่าย หรือผัวเมียหย่าร้างเท่านั้นถึงจะได้ผลและแม่นยำ "งวดนี้ที่ผ่านมาไปซื้อลอต เตอรี่ยังโก่งราคาขายเลย ชาว บ้านหาคางคกกันเยอะมาก เดี๋ยวนี้ต้องเอาขึ้นไปขังไว้บนบ้านกลัวจะถูกขโมย"


*** ทางด้าน นายสมทรง รัตนะ อายุ 50 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป เปิดใจว่า..เรื่องพิธีขอหวยจากคางคกไม่เป็นที่เปิดเผยมากนัก ก่อนหน้านี้ตนมีหนี้สิน เครียดจนต้องอาศัยศาลหลวง เตี่ยเป็นที่สงบจิตใจ กระทั่งพบพิธีขอหวยจากเจ้าแม่อุทัยเทวีจนมีเงินไปใช้หนี้สินหมดสิ้น งวดที่แล้วโชคดีได้เงินมาก้อนหนึ่ง ตั้งใจไว้ว่าจะนำมาตั้งศาลอัญเชิญเจ้าแม่อุทัยเทวีมาประ ทับ ส่วนงวดที่ผ่านมาหาคางคกมาทำพิธียากมาก เพราะว่าตัวเดิมที่ขังครอบกะ ลาไว้ก็ถูกขโมย ตอนนี้ชาวบ้านบางคนอาศัยใช้เงินซื้อโดยไปหาซื้อถึงนอกเขตอำเภอ อ้างว่าจะนำมาทำสมุนไพร เพราะจะหายากแล้ว


*** สำหรับ นายสวน บุญมามาก อายุ 67 ปี นักเสี่ยงโชคเล่าให้ว่า..ชาวบ้านฉาง-มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระ ยอง บางส่วนพากันจับคางคกตามร่องน้ำและใต้ตุ่ม ช่วงวันใกล้หวยออก นำมาประ กอบพิธีเสี่ยงทายขอเลขเด็ดเพื่อแทงหวยในงวดต่างๆ ซึ่งร่วมกันทำพิธีขอหวย โดยนำคางคกมาเสี่ยงทาย ชาวบ้านหลายพื้นที่นิยมทำกันมานานแล้ว เนื่องจากเชื่อว่าคางคก หรือพญาคางคก เป็นเจ้าแม่อุทัยเทวี สามารถบอกหวยได้แม่นยำ ส่วนวิธีการนั้นเริ่มจากการหาคางคกมา 10 ตัว จะเป็นคางคกเพศเมียหรือเพศผู้ตัวเล็กหรือตัวใหญ่ก็ได้ แต่คางคกทุกตัวที่หามาต้องเป็นคางคกที่ส่งเสียงร้อง เพราะเชื่อว่าคางคกพวกนี้ต้องการจะให้โชคลาภกับคน การหาคางคกที่ร้องได้ทั้ง 10ตัวนั้น ถือว่าค่อนข้างยากลำบากเหมือนกัน ต้องใช้เวลาหลายวัน เพราะปกติคางคกจะไม่ร้อง


*** "หลังจากได้คางคกที่ต้องการมาแล้ว 10 ตัว เราจะเขียนเลข 0 ถึงเลข 9 ลงบนท้องหรือหน้าอกมัน จากนั้นจัดดอกไม้ธูปเทียนเพื่อบูชา หรือที่เรียกว่าขันธ์ห้า ถือเป็นการขอขมาพญาคางคก ที่ได้ล่วงเกินไปในการทำพิธี เสร็จแล้วนำคางคกที่เขียนเลขไว้ทั้งหมดใส่ลงไปในถังน้ำหรือกะละ มัง และร่วมกันจุดธูปเทียนตั้งจิตอธิษฐาน คางคกตัวไหนกระโดดออกมาจากถังน้ำ หรือกะละมังได้ก่อนตัวอื่น ๆ คือเราเอา 2 ตัวแรก ก็ถือว่าหวยที่จะออกในงวดต่อไปคือเลขที่เขียนอยู่บนตัวคางคกตัว และชาวบ้านเซียนพนันต่างก็ถูกกันบ้าง และไม่ถูกบ้างเป็นธรรมดาของคนมีโชค ต่างเชื่อกันว่าอย่างนั้น


*** ดังนั้น บางครั้งก็ร่วมกันนั่งทำร่วมพิธีจุดธูปบูชาคางคก และเอ่ยรำลึกถึง “เจ้าแม่อุทัยเทวี” จึงจะศักดิ์ สิทธิ์ เพื่อเป็นการเสริมบารมี.เพื่อขอหวยพญาคางคกได้แม่นยำ บางรายก็ใช้วิธีนำคางคกมาทาแป้งเย็น และตั้งจิตอธิษฐานขอเลข จากนั้นเพ่งมองที่หน้าอกคาง คกตัวนั้น ก็จะมีตัวเลขปรากฏออกมา..และเมื่อพิธีเสร็จสิ้นก็จะปล่อยคางคกกลับคืนสู่ธรรมชาติ หรือปล่อยมันไป

*** อย่างไรก็ตาม วิธีขอหวยมีหลายแบบ!! ผู้ที่ร่วมพิธีอาจจะมองเห็นตัวเลขแตกต่างกันก็เป็นได้ เนื่องจากเป็นโชคของแต่ละคน หากการทำพิธีขอหวยดังกล่าวเป็นไปด้วยความสมบูรณ์ครบทุกอย่าง โดยเฉพาะการเลือกวันทำพิธี ต้องเลือกทำในวันพระ ขึ้น 8 ค่ำ หรือขึ้น 15 ค่ำ และทำในสถานที่สงบ เช่นในป่า ผลออกมาส่วนใหญ่จะได้ตัวเลขที่แม่นยำอย่างมาก แต่เรื่องแบบนี้มันเป็นความเชื่อส่วนตัว ใครจะเชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้ นะจะบอกไห้...!?!

P11

"สุดยอดปรมาจารย์"





*** สุดยอดปรมาจารย์ “หลวงปู่อี๊ด”พระเกจิอาจารย์ผู้ใจบุญ เทพเจ้าแห่งชายฝั่งทะเลตะวันออก อันเรืองเวทย์มนต์อาคม ช่วยปัดเป่ารักษาคนที่ถูกคุณไสย์เสน่ห์ยาแฝด-ฝังรูปฝังรอยจากไสยย์ดำ นอกจากนี้ ยังช่วยเหลือคนยากจน ทั้งบริจาคโลงศพผู้ยากไร้ ช่วยบรรเทอาการเจ็บป่วยโรคร้ายต่างๆ โดยมิหวังผลตอบแทนใดๆทั้งสิ้น...

*** เรื่องราวเครื่องรางของขลังและวัตถุมงคล โดยเฉพาะ..พระเครื่องเนื้อผงรุ่นเทพพระทานพร และปลัดขิกโดดจอมอิทธิ์ฤทธิ์ ที่มีประสบการณ์..ปาฏิหาริย์..คงกระ พันชาตรี..หนังเหนียว.. และแคล้วคลาด ต่างรอดตายจากเหตุ การณ์ต่างๆ เช่น..กับระเบิด อาวุธปืนสงคราม มีด หอกดาบ และอุบัติเหตุต่างๆ ที่ลูกศิษย์เคยเจอประสบการณ์มา แล้ว ชาวบ้านร้านค้า-ชาวเรือประมง และทหารตำรวจตระเวนชายแดนภาคใต้ แคล้วคลาดปลอดภัยทุกครั้ง ทำให้วัตถุมงคลโด่งดังสะท้านฟ้าไปทั่วไทยเป็นที่ได้ รับความนิยมจากวงการเซียนพระ กิติศักดิ์และคุณงามความดีของ..หลวงปู่อี๊ด เป็นที่เล่าขานเลื่องลือกันไปทั่วภาคตะวันออก...

*** หลวงปู่อี๊ด(จันทิโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดเทพประสาท(เตาถ่าน) เลขที่ 2 หมู่ 4 ถนนสุขุมวิท ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ท่านเป็นพระสงฆ์ที่บริบูรณ์ด้วยศิลจารวัตรอันเป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสกันทั่ว ในบรรดาศิษย์ยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชน อ.สัตหีบ-พัทยา จ.ชลบุรี-อ.บ้านฉาง-มาบตาพุด จ.ระยอง และภาคตะวันออก ต่างให้เคา รพนับถืออย่างมาก โดยเฉพาะ..วัตถุมงคลต่างๆ เช่น พระผงรุ่นเทพประทานพร และปลัดขิกโดด-บินได้ราวกับนก มักปรากฏ..ในด้านอภินิหาริย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด และคงกระพันชาตรี ได้ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ตามหน้าหนัง สือพิมพ์-วิทยุและทีวี.นับว่าท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่ยังคงความนับถืออย่างมาก วัตถุมงคล!!ที่สร้างขึ้นทุกรุ่นมีประ สบการณ์ปาฏิหาริย์เป็นอย่างยิ่ง มีผู้ศัทธาเคารพนับถือเดินทางไปนมัสการท่านที่..วัดเทพประสาท (เตาถ่าน) อย่างไม่ขาดสาย ซึ่งท่านเป็นพระผู้ใจบุญจิตเมตตาสูงมีแต่ให้ตลอดมา ไม่ว่ายากดีมีจนไปนมัสการได้ทุกคน

*** หลวงปู่อี๊ด(จันทิโม) ท่านเป็นพระผู้ใจบุญได้ทำคุณประโยชน์ไว้มากมาย สร้างวัดวาอารามต่างๆ และช่วย เหลือสังคมเด็กนักเรียนยากจน คนพิการ ผู้ยากไร้ต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา..ในพิธีอันเชิญองค์พระพุทธสีขีมศพลที่ 1 (สมเด็จองค์ปฐม) ขึ้นประดิษฐานบนหอระฆังแก้ว วัดเทพประสาท(เตาถ่าน) ปรากฏว่า..บรรดาลูกศิษย์ลูกหาผู้เสื่อมใสแห่กันมาแน่นวัด โดยมี..นายณรงค์ บุญบรรเจิดศรี นายกเทศมนตรีเมืองสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และ ส.ส.ฐนโรจน์ โรจน์กุลเสฏฐ์ ทีมงานส.ส.จ.ชลบุรี เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาร่วมงานด้วยความเคารพนับถือ และมีผู้ใจบุญนำอาหารหวานคาวจัดลี้ยง(ฟรี)ทุกอย่าง โดยในพิธีมีพระเกจิอาจารย์จากสายวัดท่าซุง และจากภาคเหนือแดนใต้ มาร่วมพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์อย่างยิ่งใหญ่ หลังจากนั้น..หลวงปู่อี๊ด(จันทิโม) ได้แจกวัตถุมงคล ให้แก่..ประ ชาชนชาวบ้านร้านค้าจากทั่วสารทิศ เพื่อไว้ป้องกันอันตรายต่างๆ นับว่าเป็นที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ที่หลวงปู่อี๊ดทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจ ในงานพิธีดังกล่าวที่ผ่านมา

*** สุดยอดเครื่องรางของขลัง!! ที่ท่านสร้างขึ้นแต่ละรุ่นไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนที่เลื่อมใสศัทธา แม้จะสร้างกี่รุ่นก็หมดแทบทั้งสิ้น!! สำหรับปัจจัยที่ได้จากการทำบุญไม่ว่าจะด้วยบริจาค หรือด้วยการบูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่อี๊ดทุกบาททุกสตางค์ ท่านได้นำปัจจัยเหล่านี้ มาช่วยเหลือพัฒนาวัดวาอารามได้อย่างดีที่สุดจริงๆ ได้ตั้งเป็นกองทุนมูลนิธิเพื่อศาสนา และเพื่อการศึกษาของเยาวชนหลายประการ เช่น 1.สมาคมจันทิโมฌา ปนกิจสงเคราะห์ จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่เสียชีวิตยากจน 2.เพื่อการศึกษาปริยัติธรรม บูรณะวัดเทพประ สาท(เตาถ่าน) 3.เพื่อกิจการคณะสงฆ์วัดเทพประ สาท(เตาถ่าน)ที่สมควร 4.เพื่อสงเคราะห์พระภิกษุสามเณรที่อา พาธ หรือมรณภาพ 5..เพื่อเป็นทุนการศึกษาอาหารกลางวันเด็กนักเรียนยากจน และครอบครัวพิการต่างๆ

*** “ทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์” ในฐานะลูกศิยย์หลวงปู่อี๊ด ผู้ที่เคารพนับถือท่านมากที่สุดในใจ ขออาสานำเรื่อง ราวประสบการณ์ต่างๆทางด้าน..อิทธิฤทธิ์ มหัศจรรย์ ปาฏิหาริย์ แคล้วคลาด และหนังเหนียว จากลูกศิษย์ที่มีวัตถุ มงคลเครื่องรางของขลังต่างๆ ของพระเกจิอาจารย์..หลวงปู่อี๊ดวัดเทพประสาท(เตาถ่าน) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ที่มีประสบการณ์ดังนี้ คือ...นายสมทรง รัตนะ อายุ 50 ปี อาชีพรับจ้าง พักอยู่ในซอยหลังตลาดโด่งดัง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ได้เปิดใจว่า..วันนั้นตนป่วยเป็นไข้หนักมาก ได้เดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน อ.บ้านฉาง ขณะที่แพทย์ตรวจอาการแล้วจำเป็นต้องฉีดยาให้ ปรากฏว่า..ฉีดยาไม่เข้า แม้ว่าหมอจะดันจะแทงอย่างไรก็ไม่เข้า ซ้ำเข็มยังหักเสียด้วย ต้องเปลี่ยนเข็มเล่มใหม่ ทิ่มแทงยังไงก็ยังฉีดไม่เข้า หมอคงแปลกใจเป็นอย่างมากว่า เพราะเหตุใดจึงฉีดไม่เข้า แพทย์ได้เอ่ยถามตนว่า..มีของดีอะไรหรือ? นายสมทรงหรือ(เล็ก) บอกว่าตนมี..ปลัดขิกหลวงปู่อี๊ด คาดเอวอยู่ 1 ตัว และพระผงรุ่นเทพประทานพรห้อยคออยู่ 1 องค์ จากนั้นแพทย์พยาบาล จึงยกมือท่วมหัวขออาราธนาถอดพระผงลงจากคอ และถอดปลัดขิกออกจากเอว จากนั้นจึงใช้เข็มฉีดยาแทงสะโพกใหม่อีกครั้ง ปรากฏว่า..ฉีดเข้าได้อย่างง่ายดาย ไม่เหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา สร้างความงุนงงประหลาดใจให้กับแพทย์พยา บาลเป็นอย่างมาก

*** ทางด้าน คุณสัมฤทธิ์ แสงเจริญ อายุ 37 ปี อยู่ที่แหลมเจริญ ต.ปากน้ำอ.เมืองระยอง อาชีพชาวประมง ที่ประ สบวาตภัยมรสุมอยู่บนเรือกลางท้องทะเลอ่าวไทยอย่างรุนแรง 2 ครั้ง มีลูกเรือ 15 คน ได้อาราธนา“พระผงรุ่นเทพประทานพร และปลัดขิกหลวงปู่อี๊ด” ขณะที่มรสุมแรงเรือแทบจะพลิกคว่ำอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ จู่ๆมร สุมเบาลง ทำให้เรือประมงเดินทางเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัยเหลือเชื่อ!! ส่วนเรื่องอุบัติเหตุบนถนนมีหลายรายแคล้วคลาดรอดตายมากมาย อย่าง..ป้ายุพา พฤกษานิตย์ อายุ 67 ปี นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์รับจ้าง หน้าตลาดเทพจินดาบ้านฉาง อ.บ้านฉาง มีสุนัขตัดหน้าล้มคว่ำ คนซ้อนท้ายกลิ้งหลายตลบไม่เป็นอะไรเลย แต่ที่คอแขวนพระหลวงปู่อี๊ดองค์เดียว อีกราย..เด็กแว้นซิ่งจยย.แข่งกันด้วยความเร็วสูงเฉี่ยวชนกันคว่ำ มีเพียงบาดแผลเล็กน้อยรอดตายปา ฏิหาริย์ และ รถยนต์พลิกคว่ำหลายตลบ 3 พ่อแม่ลูกไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย เพียงค้องพระหลวงปู่อี๊ด

*** หลวงปู่อี๊ด(จันทิโม) แท้จริงเป็นพระปฏิบัติธรรมนั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่ในถ้ำภูเขาแสงจันทร์อันเงียบสงัด !!ทรงเชี่ยวชาญกรรมฐานอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งเป็นพระที่พึ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจต่อสาธุ ชนผู้ใคร่ในธรรมแล้ว ยังเป็นผู้ค้นคว้ายาแผนโบราณ เพื่อช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆให้บรรเทาเบาบางเหือดหายได้ ปรากฏ..ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วสารทิศ ผู้คนต่างให้ความศรัทธาหลั่ง ไหลไปกราบนมัสการท่าน เพื่อฟังคำสอนธรรมมะสนุกๆไม่เคลียด!!บ้างก็ไปเพื่อให้ช่วยบำบัดความเจ็บไข้ได้ป่วย บางท่านบากหน้าไปหาท่านเพื่อขอเครื่องรางของขลังไว้ป้องกันตัว บางคนก็ไปให้ดูดวงขอโชคลาภวาสนา เมื่อปรากฏ ผลอันอุดมไปด้วยความขลังประสิทธิ์จากปากต่อปาก ได้มีผู้เคารพเลื่อมใสหลวงปู่อี๊ด จึงช่วยกันสนับสนุนบริจาคทรัพย์เพื่อสบทบสร้างหอพระเจดีย์ใหญ่ที่สวยที่สุดของภาคตะวันออก ดั่งท่านตั้งปนิธานไว้ให้สำเร็จที่..วัดเทพประสาท(เตาถ่าน) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ไปนมัสการกราบไหว้ครูบาร์อาจารย์ต่างๆ (ศพไม่เน่าไม่เปลื่อย) และรูปปั้นพระเกจิ อาจารย์เท่าองค์จริงอยู่ภายในวิหารแก้ว และหอระฆังแก้วสายรุ้ง ของ..หลวงปู่อี๊ด(จันทิโม) ที่ประดิษฐานอยู่ที่นั่น เพื่อให้มั่นคงถาวรเจริญรุ่งเรื่องเป็นปึกแผ่นยิ่งขึ้นไป

*** ดินแดนแถบชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของอ่าวไทย คงไม่มีเกจิอาจารย์ท่านใดเกิน..หลวงปู่อี๊ด(จันทิโม) ผู้ ช่วยเจ้าอาวาสแห่งวัดเทพประสาท(เตาถ่าน) เป็นสุดยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวชวิทยาคมที่แก่กล้าอธิฐานจิตดั่งเหล็กเพชรปลุกเสกเดี่ยว กระทั่ง ผู้ใช้มีประสบการณ์มาแล้วยอมรับเคารพนับถืออย่างมาก สุดอิทธิฤทธิ์หลือเชื่อทุกรูปแบบ!!โดยมีวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง..พระเครื่องเนื้อผงว่าน 108 พันชนิด(รุ่นเทพประทานพร) และปลัดขิกจอมอิทธิฤทธิ์ปลุกเสกกระโดดบินได้ แจกให้แก่ลูกศิษย์ลูกหาไปใช้ ปรากฏว่า..เป็นเมตตามหานิยม,คงกระพันธ์ชาตรี,แคล้วคลาดปลอดภัย รอดตายอย่างปฏิหาริย์ทุกอย่าง มีบรรดานักธุรกิจพ่อค้า-แม่ขายนำวัตถุมงคลติดตัวไว้ที่ร้านอาหารโต้รุ่งตลาดนัดต่างๆ ได้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอย่างเหลือเชื่อจริงๆ..

*** เครื่องรางของขลัง..หลวงปู่อี๊ด(จันทิโม) ได้มอบให้ทหารเรือนำติดตัวไปปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถูกลอบยิงถล่มด้วยอาวุทปืนสงคราม เอ็ม16 อาก้า และเอ็ม 79 ปรากฏว่า..ทหารที่กำลังปฏิบัติหน้า ที่ลาดตระเวนภายในรถยนต์ เกิดเสียหลักพลิกคว่ำที่ จ.นราธิวาส ไม่น่าเชื่อว่า..(ชุดรบพิเศษไม่ได้รับบาดเจ็บหรือมีบาดแผลแต่อย่างใด) สร้างความแปลกใจให้แก่ผู้พบเห็นเหตุการณ์เป็นอย่างมาก ต่างได้รับความปลอดภัยรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ ส่วนที่ จ.จันทบุรี โชว์เฟอร์ประสบอุบัติเหตุชนประสานงาเละทั้งคัน แต่โชว์เฟอร์ไม่เป็นอะไรเลย และที่อ.สัตหีบ ชลบุรี คนขับรถเก๋งตามรถบรรทุกเหล็กเสียบทะลุกระจกด้านหน้าแตกกระจาย ภายในรถมีคนนั่ง 4 คนปลอดภัยแคล้วคลาดรอดตายปาฏิหาริย์ และนายราชัญ นวลละออง อายุ 50 ปี ลูกศิษย์ปู่อี๊ด ถูกหมาพันธุ์โหดคลั่ง กระโจนกัดขาขยำน่องติดปากล้มกลิ้งหลายตลบ อย่างน่าสยดสยองแก่ผู้พบเห็น ชาวบ้านจึงช่วยกันไล่ตีหมาพันธุ์ดุ แล้วรีบเข้าไปช่วยดูร่องรอยที่หมากัดร่างกาย ปรากฏว่า..ไม่พบร่องรอยเขี้ยวหมากัดเลย ได้สอบถามว่า..มีอะไรดีหรือ? หนังเหนียวจริงๆ จากนั้นผู้ถูกหมากัดพูดว่า..ในตัวมีปลัดขิกหลวงปู่อี๊ด(จันทิโม) ที่คาดเอวเอาไว้ตั้ง แต่ได้มา แต่ก็เจอลองของเป็นประจำ ต้องทำใจ!! และไม่เคยเป็นอะไรเลย กระทั่งล่ำลือกันไปทั่วชลบุรี


*** สำหรับ เด็กหญิงมาร์ยฺ ได้ไปมุงดูเหตุการ์คนร้ายคลังยานรก!! และถูกคนร้ายคลั่งยาบ้า ใช้มีดปลายแหลมจี้คอจับเด็กไว้เป็นตัวประกัน เพื่อต่อลองอย่างน่าหวาดเสียว ท่ามกลางไทยมุงดูกันมากแต่ช่วยอะไรไม่ได้เลย เหตุเกิดที่ ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยได้ เพราะกลัวอันตรายกับเด็กที่ถูกจับไว้ แต่น้องมารย์ได้ ใช้ไหวพริบใจดีสู้เสื้อ นึกได้ว่า..แขวนพระเนื้อผงรุ่นเทพประ ทานพร ได้ภาวนาเรียก..หลวงปู่อี๊ดช่วยด้วย 3 ครั้งในใจ ปรากฏว่า..คนร้ายคลั่งยานรกจู่ๆ เกิดจังงังขึ้นมา ร้องตะโกนโวยวาย!!..ได้ปล่อยเด็กที่จับไว้เป็นตัวประกันไปดื้อๆอย่างเหลือเชื่อที่สุด..และล่าสุด..เจ้พัชรินทร์ เอี่ยมผดุง อายุ 41 ปี แม่ค้าอาหารตามสั่งข้าวแกงรสเด็ด ชาวบ้านสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ไปจับจ่ายซื้อข้าวของที่ห้างโลตัสพัทยา ขณะที่กำลังเดินอยู่ ใกล้ที่เกิดเหตุแก๊สได้ระเบิดเสียงดังตูมสนั่นหวั่นไหว เศษเหล็กชิ้นส่วนกระ เด็นปลิวว่อนไปถูกคนอื่นๆ แต่ตนอยู่ใกล้แค่หูอื้อแคล้วคลาดปลอดภัยอย่างน่ามหัศจรรย์ สร้างความแปลกใจแก่ผู้พบเห็นชาวฝรั่ง จึงให้ล่ามถามตนว่า..มีอะไรดี? บอกแต่ว่า..ตนห้อยพระเนื้อผงรุ่นเทพประทานพรหลวงปู่อี๊ด คงเป็นเพราะพระช่วยให้รอดตาย

*** หลวงปู่อี๊ด(จันทิโม) วัดเทพประสาท(เตาถ่าน) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เปิดใจทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์ ว่า..อาตมาอธิฐานจิตปลุกเสกดี่ยววัตถุมงคลต่างๆ และทำพิธีสวดพุทธคุณทำน้ำมนต์เป้าอาคมอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อประพรมให้ลูกศิษย์ทุกคน และแจกเครื่องรางของขลังพระเนื้อผงรุ่นเทพประทานพร ให้แก่..ทหารกล้านักรบกองทัพเรือไทยหน่วยบัญชาการต่อสู้กาศยานและรักษาฝั่ง สอ./รฝ. อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อสร้างขวัญกำลังใจไว้ยึดเหนี่ยวป้องกันแคล้วคลาดภยันอันตรายต่างๆ จากการปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงภัย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และภาคตะวันออก เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนเสี่ยงภัย รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ตามแนวชายแดนต่างๆ จึงได้มอบวัตถุมงคลให้กับ..ทหารเรือ กองทัพเรือไทย ไว้เพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจต่างก็ได้รับความปลอดภัยตลอดมา

*** พลังแห่งอาคมในวัตถุอาถรรพ์ นับว่าเป็นความล้ำลึกที่แอบแฝงอยู่อย่างเร้นลับ เป็นพลังแห่งอำนาจประ หลาดที่มีอยู่มากสุดที่จะบรรยาย ได้เป็นลายลักษณ์อักษร พลังแห่งไสยศาสตร์ ศาสตร์ลึกลับที่พิสูจน์ไม่ได้ บางคนก็ก็ยากที่จะเชื่อได้ว่านี่พิสูจน์ไม่ได้ เพียงหลวงปู่อี๊ด แห่งวัดเทพประสาท(เตาถ่าน) บริกรรมคาถาอาคมเป่าเสกลงไปในวัตถุมงคลอย่างที่เป็น..พระเครื่องเนื้อผงรุ่นเทพพระทานพร และปลัดขิกโดดในพิธีปลุกเสกอย่างเหลือเชื่อ ท่ามกลางการอธิฐานจิตอันแน่วแน่ดั่งขุนเขาฟ้าถล่มทลาย หรือเพียงนำปลัดขิกมาขีดเขียนลงอักขระยันต์ ได้เกิดอานุ ภาพราวปาฏิหาริย์เกิดขึ้นโดยมองก็ไม่เห็น นั้นสามารถดลบันดาลให้เกิดโชคลาภเมตตา แคล้วคลาด และเป็นมหาอุดคงกระพันชาตรี ขึ้นมาได้อย่างเหลือเชื่อในเรื่องลี้ลับมหัศจรรย์ ในเส้นทางคาถาอาคม....

*** ใครจะทราบได้ว่า..ปลัดขิก นั้นกระโดดก็ได้ราวกับสิ่งมีชีวิต วันดีคืนดีอาจเห็นปลัดขิกบินได้อย่างกับนกทั้งๆที่เป็นเพียงไม้นำมาแกะสละเป็นรูปขึ้นมา นั้นเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือ ชาวบ้านที่ตั้งใจมานมัสการจุดธูปเทียนบูชาพระและเดินเวียนเทียนในวันสำคัญทางศาสนา เวลากลางคืนในวันพระขึ้น 15 ค่ำ จะได้เห็นสิ่งมหัศ จรรย์ปลัดขิกบินได้บริเวณวัดเทพประสาท(เตาถ่าน) สิ่งลี้ลับมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นไสยศาสตร์ที่เป็นศาสตร์แห่งไสย์นี้ เป็นพลังอำนาจที่มีอยู่ในถ้อยคำที่เปล่งออกมาเป็นวาจาเรียกว่า..คาถาอาคม เวทย์มนต์ สิบเนื่องมาจากพรา หม์เป็นเวลายาวนานหลายร้อยพันปีมาแล้ว ไสยศาสตร์มิใช่พระพุทธศาสนา แต่แอบแฝงมากับพุทธศาสนาด้วย กันได้ เช่น..การเจิม,การเซ่นไหว้ และการบูชาต่างๆ พลังแห่งอาคม ขอบอกว่า..หลวงปู่อี๊ดไม่ธรรมดาทีเดียว

*** ท่านผู้อ่านอาจจะไม่เชื่อ แต่ผู้มีประสบการณ์ เล่าให้ฟังว่า..นส.ชลิต ทวีทรัพย์ อายุ 39 ปี ชาวชลบุรี ได้เกิดประสบอุบัติเหตุขับรถฝ่าไฟแดง ตกใจจอดกลางสี่แยกขณะที่รถยนต์กำลังพุ่งมาอย่างแรง ยังไงก็ต้องถูกอัดก๊อปปี้ตายคารถอย่างแน่นอน ปรากฏว่า..รถยนต์ที่มาด้วยความเร็งสูงนั้น หยุดชงักตรงหน้าของตนอย่างน่าหวาดเสียว ห่างกันแค่นิดเดียวเอง มิเช่นนั้นตนคงตายไปแล้ว เหตุเกิดที่ จ.สุราษฏร์ธานี นี่คงเป็นเพราะ..แขวนพระผงรุ่นเทพประทานพร ส่วนอีกรายขับรถยนต์ตามเขาไป แต่รถบรรทุกเหล็กยาวคันหน้าเบรกกะทันหัน เหล็กปลายแหลมที่ยื่นออกมาจากรถคันดังกล่าว ได้เสียบทะลุกหน้าระจกรถยนต์คันที่ตามหลังมา ปรากฏว่า..คนขับและญาติๆที่นั่งมาด้วยอยู่ในรถเก๋งไม่เป็นอะไรเลย แต่กระจกแตกกระจายเกลื่อน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ถามว่ามีของดีอะไร?..ได้คำตอบว่า..มีหระเนื้อผงรุ่นเทพประทานพรหลวงปู่อี๊ด(จันทิโม) ห้อยคออยู่ที่โชว์เฟอร์ผู้เดียว เชื่อว่าทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยรอดตายถึงทุกวันนี้) และบางรายป่วยจนหน้าดำหมองค้ำ สติสะตังเลื่อนลอยคล้ายคนถูกคุณไสย์ ไปรักษาจากไหนมาก็ไม่หาย แต่มารดน้ำมนต์หลวงปู่อี๊ด(จันทิโม) ปรากฏว่า..ตั้งแต่บัดนั้นถึงวันนี้ โรคร้ายประ หลาดนั้นหายเป็นปลิดทิ้ง ก็แปลกใจว่า..ที่อื่นรักษาไม่ได้แล้ว แต่ที่วัดเทพประสาท(เตาถ่าน) ช่วยท่านได้จริงๆ..

*** สำหรับ คอลัมน์..เส้นทางอาคม “ทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์” ได้สนใจวิชาอาคมมาตั้งแต่เด็กจนโต ขอบอกว่า..ได้เสาะแสวงหา..พระเกจิอาจารย์ที่มีความสามารถเป่าเสกเลขยันต์ที่เชื่อถือได้นั้นหายากยิ่งนัก จนกระทั่งมาพบ..หลวงปู่อี๊ด(จันทิโม) ผมต้องยอมรับว่าท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ใจบุญเมตตาจิตสูง แล้วยังเป็นพระที่มีวิชาอาตมสุดยอดด้วย “ไม่เชื่ออย่าหลบหลู่”ถ้อยคำนี้จะต้องจำเอาไว้ เสมอ มิฉะนั้นแล้วบางทีอาจจะเกิดเหตุการณ์บางสิ่งบางอย่างขึ้นมาโดยไม่นึกไม่ฝันก็ได้ ซึ่งบางท่านอาจจะคิดว่าเป็นการบังเอิญ เป็นอุบัติเหตุ ซึ่งก็นั่นแหล่ะมักจะเป็นเช่นนั้น สิ่งที่มองไม่เห็น สิ่งที่สงบนิ่งนั้น บาทีความสับสนและชีวิตมีวิญญาณแอบแฝงอยู่ โดยการเคลื่อนไหวมากมาย เพียงแต่ว่าการรับรู้จากนัยน์ตามนุษย์ธรรมดานั้นมองไม่เห็น ไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะบังเกิดขึ้นแล้ว..

*** อย่างไรก็ตาม คนเราไม่เห็นวิญญาณ แต่วิญญาณนั้นเห็นเรา ท่านทราบไหม? เพราะฉะนั้น อย่าลบหลู่ในสิ่งที่มองไม่รู้ไม่เห็น เช่น..วัตถุมงคล พระเครื่องเนื้อผงรุ่นเทพประทานพร และเหลือเชื่อ..ปลัดขิกโดดในพิธีปลุกเสกเดี่ยว หลวงปู่อี๊ดวัดเทพประสาท(เตาถ่าน) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เชิญทุกท่านแวะไปกราบนมัสการได้ทุกวัน ถ้าหากใครจะดูดวงฤกษ์งามยามดี เสริมชะตาคลุมผ้าบังสุกุลตาย เพื่อต่ออายุเสดาะห์เคราะห์กรรม ทำน้ำมนต์ขับไล่ไสย์ดำ ถูกคุณไสย์ ฝังรูปฝังรอย เสน่ห์ยาแฝด ครอบงำจิตใจ ทำให้สติเลื่อนลอยคล้ายคนบ้า และช่วยเหลือบรรเทาผู้ป่วยโรคร้ายต่างๆอีกด้วย หรือต้องการวัตถุมงคลของดีไว้ติดตัวค้าขาย และป้องกันอันตราย ลองไปสัมผัสด้วยตนเองก็แล้วกัน แต่สำหรับผู้เขียนเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับวัตถุมงคลหลวงปู่อี๊ดมาแล้วทุกรูปแบบ...

P10

"หลวงพ่อดำ"




***“พระสัมพุทธมหามุนีศรีคุณาศุภนิมิต” หรือ “หลวงพ่อดำ” วัดช่องแสมสาร เขาเจดีย์ อ.สัตหับ
จ.ระยอง เป็นพระพุทธปฏิมากรศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่ง ซึ่งชาวประมงฝั่งตะวันออก เลื่อมใสศรัทธา
ทุกครั้งที่ออกทะเลมักจะไปนมัสการและขอพร ชาวประมงทุกคนจะกลับมาโดยสวัสดิภาพ
มีโชคได้สินทรัพย์จากทะเลเป็นกอบเป็นกำ

P09

"ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดลุ่มมหาชัยชุมพล"




***ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แห่งวัดลุ่มมหาชัยชุมพล เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทีสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดระยอง ซึ่งมีผู้เดินทางมาสักการะเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ในการกอบกู้เอกราชให้ผืนแผ่นดินไทยอยู่เสมอ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แห่งนี้ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดลุ่มมหาชัยชุมพล ซึ่งชาวบ้านมักเรียกสั้นๆ ว่า “วัดลุ่ม” เป็นที่ประดิษฐานพระรูปหล่อของสมเด็จพระเจ้าตากสินถึง 2 พระองค์ โดยนางทองปานภู่สุวรรณ ได้ฝันไปว่า พระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จมาเข้าฝัน และมีพระราชดำรัสว่าพระองค์ไม่มีที่ประทับ นางทองปานจึงสร้างศาลถวายพร้อมหล่อพระบรมรูปประทับยืนด้วยทองเหลือสูง 70 ซม. และต่อมาในปี พ.ศ.2503 จึงมีการหล่อพระบรมรูปองค์ใหม่ขนาดเท่าองค์จริงในท่าประทับนั่งสง่างาม บริเวณด้านหน้าของศาลนั้นมีต้นสะตือขนาดใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 300 ปี ซึ่งมีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์ในการกอบกู้เอกสารของพระองค์ โดยกล่าวว่าเมื่อครั้งที่พระองค์ตีฝ่าวงล้อมข้าศึกออกจากกรุงศรีอยุธยามาถึงระยอง ในคราวที่ยังทรงพระยศเป็นพระยาวชิรปราการ พระองค์ทรงนำช้างมาผูกไว้ที่ต้นสะตือนี้ และใช้เป็นแหล่งรวบรวมไพร่พล ก่อนที่จะยกทัพไปตีเมืองจันทบุรี และใช้เป็นที่ตั้งมั่นในการกลับมากอบกู้อิสรภาพจนสำเร็จในเวลาต่อมาเดิมทีศาลแห่งนี้มีลักษณะเป็นเรือนไม้ชั้นเดียว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2477 ต่อมาได้มีการสร้างศาลหลังใหม่ขึ้นแทนหลังเดิมในปี พ.ศ. 2507 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กทรงจัตุรมุขทีบริเวณต้นสะตือใหญ่แห่งนี้ เพื่อเป็นพระบรมราชนุสรณ์ และสถานที่ที่ให้ประชาชนทั่วไปมาสักการะและน้อมรำลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของพระองค์ สถานที่ตั้งวัดลุ่มมหาชัยชุมพล ถ.ตากสิน - มหาราช อ.เมือง จ.ระยอง ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 1,500 ม. ความเชื่อและวิธีการบูชาเชื่อกันว่าพระบารมีของพระองค์จะช่วยปกป้องคุ้มครองให้มีแต่ความสุขเป็นสิริมงคล มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างร่มเย็นและยังเชื่อกันว่าสามีภรรยาที่มีบุตรยาก หากมาขอพรจากศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งนี้แล้วมักจะสมดังใจปรารถนาไปแล้วหลายคู่ เทศกาล งานประเพณีมีการจัดงานสมโภชศาลแห่งนี้เป็นประจำในช่วงเทศกาลตรุษจีน และทุกวันที่ 28 ธันวาคม ของทุกปี จะมีการทำบุญตักบาตร ถวายพวงมาลา และเครื่องราชสักการะ เพราะเป็นวันคล้ายวันเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระองค์ วันและเวลาเปิด-ปิดเปิดให้สักการะทุกวัน

P08

"สวนศรีเมือง"




***ชาวเมืองนิยมเรียกว่า “เกาะกลาง” ตั้งอยู่กลางเมืองด้านหลังศาลากลางจังหวัด เนื้อที่ประมาณ 70 ไร่ เคยเป็นแดนสำหรับประหารนักโทษ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสวนสาธารณะ และสวนสุขภาพสำหรับประชาชน ด้านหน้าเป็นที่ตั้งของหอพระพุทธอังคีรสซึ่งเป็นอาคารทรงไทย หลังคาจตุรมุข อันเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธอังคีรส ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของระยอง

P07

"ชาวบ้านฉางไล่ล่าตุ๊กแกขายอาชีพใหม่รายได้เจ๋ง!!"



***ชาวอำเภอบ้านฉาง เมืองระยองฮิ รับออเดอร์ใบสั่งจากต่างประเทศ หันมาประกอบอาชีพเสริมรายได้ดี สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำมีเงินเก็บเป็นแสน..โดยออกไล่ล่าจับตุ๊กแกขายส่งให้นายทุนเป็นตัวแทนชาวต่างชาติ สั่งซื้อตุ๊กแกตั้งแต่ราคา 100-1000 บาท หากว่าตัวไหนมีน้ำหนัก 3 ขีดขึ้นไปรับทรัพย์ไปเลยเต็มๆ โดยชาวต่างชาติบางแห่งอ้างว่า..ซื้อไปเพื่อนำไปประกอบพิธีบูชายันต์ บางแห่งว่านำไปอบแห้งเพื่อเป็นยาชูกำลังชั้นเยี่ยม เป็นอาชีพใหม่เสริมรายได้ชาวระยองฮิ..

***เรื่องราวของชาวบ้านฉาง ที่หันเหมาประกอบอาชีพจับตุ๊กแกขาย เพื่อสร้างราย ได้เป็นกอบเป็นกำ ทำให้ชาวบ้านร้านค้าหมู่ 3 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระ ยอง ขณะนี้เริ่มออกไล่ล่าจับตุ๊กแกส่งขายให้กับพ่อค้าคนกลาง ก่อนนำ ไปอบแห้งส่งต่อไปขายยังต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นยาชูกำลังชั้นยอด เนื่องจากเศรษฐกิจตกสะเก็ดเพราะบางคนตกงาน บางคนหันมาเอาดีทางด้านไล่ล่าตุ๊กแกขายดีกว่า เพราะงานเบาเงินดี และสามารถจับตุ๊กแกขายได้ดีจริงๆอ่ะ!!

***นายสมทรง รัตนะ อายุ 52 ปี อาชีพรับจ้าง ชาวบ้านฉาง อยู่บ้านไม่มีเลขที่ ซอยโรงก๊วยเตี๋ยว หมู่ 3 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง หันเหชีวิตจากงานอื่นมายึดอาชีพไล่ล่าจับตุ๊กแกขาย เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตามปกติชาวบ้านฉางจะมีอาชีพรับจ้างทำงานโรงงานต่างๆ ต่อมาเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ถูกเลิกจากออกจากงานเยอะ หลังจากนั้นไม่มีงานอะไรทำ หลังทราบว่ามีนายทุนมาหาซื้อตุ๊กแกให้ราคาดี จึงหันมาประกอบอาชีพจับสัตว์ขายตามฤดูกาล โดยช่วงฤดูฝนจับปลิงขาย ฤดูหนาวจับไส้เดือนขาย และฤดูร้อน-หรือฤดูฝนจะมีรายได้ จากการจับตุ๊กแกและจับจิ้งจกขาย เพราะว่าชาวบ้านบางคนไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรดี จึงหันไปทำอาชีพเสริมออกไล่ล่าจับตุ๊กแกขายทดแทนงานอื่นๆ เพราะสร้างรายเสริมได้อย่างดีจริงๆ..!!

***นายสมทรงเล่าให้ฟังอีกว่า ตามหลักแล้วฤดูร้อนจะเป็นฤดูกาลผสมพันธุ์ของตุ๊กแก ทำให้ตุ๊กแกที่อาศัยอยู่ตามบ้านเรือน หรือตามต้นไม้ออกมาผสมพันธุ์ส่งเสียงร้องหาคู่ ชาวบ้านเลยออกจับขายได้มาก แต่เดี๋ยวนี้ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน จึงจับกันได้ตลอดกาลหากพบเห็นตุ๊กแกที่ใด และบางกลุ่มถึงกับออกหากันนอกพื้นที่ต่างจังหวัด โดยวิธีจับจะทำบ่วงผูกกับไม้ยาวไปคล้องตุ๊กแก และรา คาตุ๊กแกขายไปตัวละ 100-200 บาท แล้วแต่ขนาดเล็กใหญ่ และถ้ามีน้ำหนัก 3 ขีดขึ้นไป จะได้ราคาดี ตัวละ 1,000 บาท นับว่าเป็นงานเบาเงินดีจริงๆฮิ!! นี่แหล่ะครับ..เขาถึงเรียกกันว่า คนระยองเอาได้...

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

P06

"กิจกรรมงานวันสุนทรภู่"




***วันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นวันสุนทรภู่
...กลุ่มสาระฯ ภาษาไทย จัดกิจกรรมงานวันสุนทรภู่ ในวันศุกร์ที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓
โดยบูรณาการกับ กลุ่มสาระฯ ศิลปะ และ ศูนย์วิทยบริการ มีรายละเอียดดังนี้


๑. การแข่งขันของนักเรียนแต่ละระดับชั้น (บูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ)
(ดำเนินการตั้งแต่วันจันทร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓)
ระดับชั้น ม.๑ ประกวดจัดทำทีวีภาพเรื่องพระอภัยมณี
ระดับชั้น ม.๒ ประกวดวาดภาพตัวละครเรื่องพระอภัยมณี
ระดับชั้น ม.๓ ประกวดคัดลายมือ
ระดับชั้น ม.๔ ประกวดจัดทำผลงานประกอบภาพของสุนทรภู่
ระดับชั้น ม.๕ ประกวดจัดทำวรรคทองประกอบภาพของสุนทรภู่
ระดับชั้น ม.๖ ประกวดแต่งคำประพันธ์ประกอบภาพ

๒. การจัดนิทรรศการ ( ผลงานของนักเรียน )
ณ ใต้อาคาร ฟ.ฮีแลร์ และ ศูนย์วิทยบริการ ชั้น ๓ อาคาร Saint Louis-Marie Memorial Bldg. จำหน่ายหนังสือเกี่ยวกับประวัติผลงานของสุนทรภู่และอื่นๆ
เล่นเกมตอบปัญหาชิงรางวัลเกี่ยวกับประวัติผลงานของสุนทรภู่ (บูรณาการกับศูนย์วิทยบริการ)

๓. กิจกรรมในวันสุนทรภู่ (วันศุกร์ที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓
๐๗.๐๐ น. – ๐๗.๓๐ น. การแสดงของนาฏยศาลา โจ-หลุยส์ เรื่องพระอภัยมณี
บริเวณหน้าห้องประชาสัมพันธ์ พร้อมทั้งตอบปัญหา
ชิงรางวัลเกี่ยวกับประวัติและผลงานของสุนทรภู่

๐๘.๑๐ น. – ๐๘.๒๐ น. ตัวแทนนักเรียนกล่าวประวัติและความสำคัญของรัตนกวี
(หลังเคารพธงชาติ)สุนทรภู่ ขับร้องเพลงคำมั่นสัญญาและบรรเลงไวโอลิน (บูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ)

๐๘.๓๐ น. – ๐๙.๒๐ น. มอบรางวัลผู้ชนะเลิศการแข่งขัน (ศูนย์วิทยบริการ ชั้น ๓)

P05

"ครอบครัวที่เป็นอมตะ"




***ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงความเจริญด้านอุตสาหกรรม ทำให้หลายครอบครัวต้องย้ายถิ่นที่อยู่มาตั้งหลักปักฐานที่ระยองและสร้างเนื้อสร้างตัวจนเป็นที่มั่นคงได้ แต่เรื่องของธรรมชาตินั้นก็ไม่เหมาะกับครอบครัวบางครอบครัวนะคร๊บ

P04

“ระยองสวนสวรรค์ สารพันผลไม้”




***เดินทอดน่อง ลัดเลาะสวนผลไม้ระยองฮิ ชิมสดๆ ทุเรียนพื้นเมืองนกกระจิบ เงาะจากต้น มังคุด – ลองกอง 100 ปี พื้นที่ภาคตะวันออก เป็นอีกพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ไม่ขาดแคลนอาหารบริโภคหลากหลายมากมาย มีทั้งทรั...พย์ในดิน สินในน้ำ ซึ่งทรัพย์ในดิน ก็คือดินอันอุดมสมบูรณ์ที่สามารถปลูกพืชผักได้มากมายหลายชนิดทั้งผลไม้ออกดอกออกผลงดงาม ส่วนสินในน้ำ นั่นก็คือในน้ำที่มีสัตว์ทะเล ปู ปลา กุ้งหอย มากมายที่เป็นอาหารของมนุษยชาติ ถือเป็นอีกภาคที่มีอาหารอุดมทั้งในน้ำจืด และน้ำเค็ม โดยเฉพาะที่จังหวัดระยอง ถือเป็นอีกจังหวัดที่ประชากรในจังหวัดมีรายได้จากการประกอบอาชีพเกษตรกรรม สร้างรายได้กันมานานนับตั้งแต่ก่อตั้งเมืองระยองจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย มา 100 กว่าปีแล้ว ในด้านภาคเกษตรกรรมของชาวระยอง ถือเป็นอาชีพที่ชาวบ้านในพื้นที่ ได้ประกอบอาชีพหาเลี้ยงตนเองและครอบครัว มาก่อนภาคอุตสาหกรรมที่จะมาก่อเกิดที่ระยองแห่งนี้ ซึ่งในฟากของเกษตรกรรมนั้น ก็คือชาวสวนผลไม้ที่ปลูกผลไม้เศรษฐกิจ ได้แก่ ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง ที่เป็นผลไม้ที่โดดเด่น ของจังหวัดระยอง ซึ่งระหว่างเดือน พฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน นี้ เป็นช่วงที่ผลไม้ออกผลผลิตมาจำนวนมาก ชาวสวนได้เก็บขายยังท้องตลาดปัจจุบันหน่วยงานทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดระยอง ที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายด้านทั้งทางทะเล หมู่เกาะเสม็ด การท่องเที่ยวเชิงเกษตรจังหวัดระยอง ซึ่งพื้นที่ปลูกสวนผลไม้ของจังหวัดระยอง ที่มีอยู่มากในเขต อ.แกลง อ.วังจันทร์ เขตอำเภอเมืองระยองหลายตำบลก็ได้ปลูกผลไม้มากมาย ทั้ง ต.นาตาขวัญ ต.บ้านแลง ต.ตะพง สำหรับในปีนี้ จึงได้จัดให้มีการท่องเที่ยวเชิงเกษตรควบคู่ไปกับงานเทศกาลผลไม้และของดีจังหวัดระยอง ในชื่อ “ระยองสวนสวรรค์ สารพันผลไม้” ประจำปี 2553 ระหว่างวันที่ 14-18 พ.ค. 53 5 วัน 5 คืนชมการแสดง แสง สีเสียง โชว์นักร้องดาราดัง ภายในงาน ร่วม กิจกรรม“คาราวานผลไม้สมานฉันท์” การประกวดผลไม้ การแข่งขันมวยหญิงโลกศึกมูลนิธิตากสินระยองชิงแชมป์เปี้ยนโลก ระหว่าง แซมซั่น ต.บัวมาศ ปะทะ จูเจียร์ นากาว่า (ฟิลิปปินส์) ในวันที่ 18 พ.ย. จัดขึ้น ณ ตลาดกลางผลไม้ตำบลตะพง (ติด ถ.สุขุมวิท) ส่วนผู้ที่ชื่นชอบลุยสวนก็สามารถเข้าชมสวนผลไม้ของชาวระยองได้ตลอดเดือน ตั้งแต่พ.ค.-มิ.ย ทางด้านนายวิรัต รัตนวิจิตร นายอำเภอเมืองระยอง พร้อมคณะฯ นำทีมพาไปชมสวน ต่างๆมากมาย การเดินทางแสนสะดวกสบาย เพราะไม่ไกลจากตัวเมืองระยอง ซึ่งยืนยันว่า ทั้งวันสามารถเที่ยวได้กว่า 10 สวน ในระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ตั้งแต่ ต.นาตาขวัญ ต.บ้านแลง จนถึง ต.ตะพง ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ชาวบ้านยังทำสวนผลไม้อยู่มาก และยังพบว่าแต่ละสวนมีทั้ง มังคุด 100 ปี เงาะ 100 ปี และลองกอง 100 ปี นั่นแสดงว่า พื้นที่เหลานี้คนรุ่นเก่าได้ทำสวนผลไม้กันมานานมากแล้วนายวิรัต กล่าวว่า จังหวัดระยองมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาท่องเที่ยวได้ตลอดปี สำหรับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร เป็นอีกรูปแบบที่นักท่องเที่ยวจะได้รับความเพลิดเพลินจากการสำผัสวิถีชีวิตชุมชน แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมและการประกอบอาชีพเกษตรกรรมเฉพาะถิ่น ซึ่งอำเภอเมืองระยองเป็นแหล่งผลิตผลไม้คุณภาพดีออกสู่ตลาดโลก อาทิ มังคุด ทุเรียน เงาะ ลองกอง ส่วนทุเรียนพันธ์หมอนทอง ก็นำมาแปรรูปเป็นทุเรียนทอดกรอบที่ขึ้นชื่อ ซึ่งหากนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในเดือน พ.ค.-มิ.ย.เป็นช่วงที่ผลไม้กำลังออกผลิดอกออกผล สามารถเที่ยวชมในสวนได้ สำหรับสวนผลไม้ใน อ.เมืองระยองนั้นมีหลายสวนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและชิมผลไม้สดๆจาก สวนทั้งทุเรียน เงาะ มังคุดฯลฯ อิ่มละ 99 บาทเท่านั้นอิ่มได้ไม่อั้นทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีสินค้าพื้นเมือง ทั้งสินค้าจากกลุ่มแม่บ้าน ทั้งกะปิ น้ำปลา ทุเรียนทอด ทุเรียนกวน อาหารทะเลแห้ง ปลาเค็ม ซื้อเป็นของขวัญของฝากติดไม้ติดมือก่อนกลับ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายในราคาย่อมเยา ล้วนเป็นสินค้าพื้นเมืองของชาวระยองโดยแท้ซึ่งการเดินทางชมสวนนั้นไม่ยาก และไม่ไกลจากตัวเมืองระยอง เพียงไม่กี่กิโลก็สามารถเที่ยวชมได้หลายสวน หากใช้รถยนต์ส่วนตัวมาจากกรุงเทพมหานคร ตามเส้นทาง ถนนสุขุมวิท และไม่ต้องเข้าเมืองระยอง วิ่งออกไปยัง ถ.สายบายพาส และเลี้ยวซ้ายไปยัง ต.นาตาขวัญ และ ต.บ้านแลง ซึ่งอยู่ติดกัน ก็จะมองเห็นป้ายบอกทางชัดเจน และสำหรับสวนคุณไพบูลย์ ซึ่งมีป้ายบอกมาตลอดตามทางเลี้ยวขวา มองริมทางทั้งซ้ายขวาก็จะมีแต่สวนผลไม้ เลี้ยวเลาะเข้าไปภายในสวน ที่เปิดรอรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามา มีที่จอดรถยนต์ด้านหน้า ภายในสวนจะได้พบกับคุณไพบูลย์ และคุณสมใจ อรัญนาถ อายุ 65 ปี เจ้าของสวนลงมือปอกทุเรียนพันธ์นกกระจิบ ซึ่งเป็นทุเรียนพันธ์พื้นเมืองและหายาก ลูกทุเรียนคล้ายพันธ์ก้านยาว แต่จะมีขนาดลูกเล็กกว่ามาก ส่วนเนื้อทุเรียนจะมีสีเหลืองสดสวย รสชาติหวานฉ่ำเนื้อเหนียวนุ่มลิ้น ราคาอยู่ที่ กิโลกรัมละประมาณ 50-90 บาท ซึ่งเป็นทุเรียนอีกสายพันธุ์ที่หายากและไม่ได้ส่งออกเหมือนหมอนทอง หรือชะนี แต่เมื่อมาถึงระยองแล้วรับรองว่าหากินได้แน่นอน ภายในสวนนี้ยังมีมังคุด 100 ปี ที่มีลำต้นใหญ่ และสูง แผ่กิ่งก้านออกมามากและยังมีลูกดกเต็มต้นการเก็บต้องใช้บันไดปีนขึ้นไปจึงจะเก็บผลได้จากนั้นยังไปเดินทางไปยังสวนผู้ใหญ่สมควร ต.บ้านแลง ที่มีลองกอง 100 ปี ที่ยังมีลูกดกเต็มต้น โดยทำทางเดินให้นักท่องเที่ยวที่เข้าได้ชมสวน พร้อมกินผลไม้ อิ่มได้ไม่อั้น หัวละ 99 บาท โดยมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาต่างก็รับประทานทุเรียนหมอนทองกันอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนที่สวนลุงทองใบ ต.ตะพง มีรถนำเที่ยวชมชวน สำหรับนักท่องเที่ยวให้นั่งสบายๆ พร้อมมีไกท์ บรรยายวิถีชีวิตชาวสวน และวิธีการปลูกผลไม้นานาชนิด ทำให้ได้ความรู้อีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการกรีดลำต้นเงาะหรือมังคุดนั้น เพื่อการสกัดน้ำที่จะไปเลี้ยงผล มากเกินไป จะทำให้ผลเงาะปลิแตก ส่วนมังคุดก็จะยางเยอะเกินไปจึงต้องกรีดลำต้น ถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ใช้วิธีเดียวกันนี้มาเนิ่นนาน ซึ่งก็ได้ผลดี สวนแห่งนี้ยังมีลำไย มะม่วง และมะปรางหวานที่จะออกผลในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี พื้นที่ตำบลตะพง ซึ่งติดเขายายดา เป็นพื้นที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ มีหลากหลายสวน ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ท่องเที่ยว ตามริมทางยังพบว่ามีชาวสวนนำผลไม้มาจำหน่ายอยู่ตามสองข้างตลอดทาง ซึ่งก็สดๆจากสวน ราคาย่อมเยาว์ ยังมีสวนลุงเศวตร ที่ปลูกพืชสวนผสม มีทั้งเงาะ ไผ่หวาน และอาหารพื้นบ้านมาให้นักท่องเที่ยวได้รับประทาน โดยเฉพาะขนมจีนเส้นสด ที่ทำเอง ขนมจีนข้าวกล้องสมุนไพรท่านละ 150 บาท รับประทานได้ที่สวนลุงเศวตร ที่สวนผลศิริ ชมสวนท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่น กับศาลาพักผ่อนสบายๆ รับประทานผลไม้ในสวนเงาะสีแดงสด ที่เป็นเงาะสีพันธ์พื้นเมืองที่มีรสหวานฉ่ำ พร้อมทุเรียนหมอนทองคัดสรรมาอย่างดี โดยแนะกรรมวิธีการคัดเลือกเคาะทุเรียนด้วยไม้มหัศจรรย์ ที่ทำจากไม้ไผ่หรือไม้หวายนั่นเอง เลือกขนาดพอเหมาะมือ ปลายหุ้มด้วยยางพลาสติกอย่างหนา โดยนำมาเคาะลงไปที่ลูกทุเรียน ฟังเสียงเคาะก็รู้ว่าสุกเนื้อดี กำลังกินหรือไม่ ถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน เป็นความรู้อีกอย่างที่คุณประจิม ผลศิริ อายุ 52 ปี เจ้าของสวนบอก ถ้าเคาะเสียงดังป๊องๆ (แสดงว่าเนื้อยังแข็ง) เสียงดังปุ๊กๆ (แสดงว่าสุกเนื้อดี รับประทานอีก 1-2 วัน)สวนเดชอุดม สวนปาหนัน สวนยายดา สวนลำดวน และอีกมากมาย ที่ลัดเลาะไปตามเส้นทาง ถ.สายตะพง – เขายายดา ซึ่งมีที่พักแบบโฮมสเตย์ พักผ่อนนอนสวน ที่พักพร้อมอาหาร ท่านละ 400 บาท ในสวนปาหนัน ส่วนที่สวนลำดวน ที่มีป้าลำดวน ธรรมสุนทร เจ้าของสวนให้การต้อนรับด้วยไมตรี นำชมทัศนีภาพบ้านไม้โบราณแบบดั้งเดิมของชาวระยอง ชมสวนในบรรยากาศชิดติดเขายายดา ดื่มด่ำอากาศบริสุทธิ์สดชื่นในธรรมชาติ ก่อนกลับอย่าลืมแวะซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน ทั้งน้ำปลารสเสิศ กะปิอย่างดี ปลาหมึกปรุงรส ทุเรียนทอดกรอบ ทุเรียนกวน อาหารแปรรูป เลือกซื้อสินค้าOTOP ผลิตภัณฑ์ชุมชน ระดับ 5 ดาว ของชำร่วย ฯลฯ และแวะรับประทานอาหารจานเด็ด กับข้าวพื้นบ้านอย่างแกงหมูสำมะรด (แกงหมูสับปะรด) แกงไก่ใส่มะเขือเม็ด แกงหมูชะมวง หรือแกงกระทือจำพวกพืชสมุนไพร ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านของชาวระยอง หรือชาวราย็อง นั่นเอง สอบถามเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้ที่ อำเภอเมืองระยอง โทร. 038-618792 หรือที่ฝ่ายประสานงานการท่องเที่ยว สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองระยอง โทร. 038-611392

P03

"แหงนดูผลไม้ มองหาของดีๆ"



***ต้นมังคุด 100 ปี ระยองฮิ ที่สวนคุณไพบูลย์มีของดีดี ผลไม้ระยองยังมีอยู่มากมายในสวน คนระยองยังคงมีวิถีชีวิตกับภาคเกษตรกรรม ความสุขของชาวสวนผลไม้และความร่วมรื่นท่ามกลางกลิ่นไอของธรรมชาติ ต้นไม้ สวนผลไม้โอบล้อมในอำเภอเมืองที่ยังคงอยู่ โอบอุ้มเศรษฐกิจเมืองระยองมานาน กว่า 100 ปี แล้ว จน นายวิรัต รัตนวิจิตร นายอำเภอเมืองระยอง ต้องแหงนหน้าขึ้นดูมองหาลูกมังคุดบนต้นมังคุด100ปี ผลิตผลจากเกษตรกรชาวระยอง ที่สวนคุณไพบูลย์ ต.นาตาขวัญ อ.เมือง จ.ระยอง

P02

"ไม่น่าเชื่อ"



***เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 ที่ผ่าน ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการน้ำท่วม บริเวณใต้สะพานต่างระดับ บริเวณทาง สามแยก เขต ทางเข้าแหล่งโรงงานอุตสาหกรรมมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ที่เกิดเหตุ น่าสงสัย ว่าน้ำท่วมล้น ได้อย่างรัย และขยะทำไมอุดตันมากขาดที่ทำให้รถที่สัญจรผ่านไปผ่านมา ติดขัดในรอบ 10 ปี ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เจ้าหน้าที่ไม่มีใครออกมารับผิดชอบ ซักคน ไม่ว่า แ ข .......ระยอง หรือ ฝ่ายแก้ปัญหาอุบัติภัยท้องถนน ไปไหนเอ๋ย เมื่อเกิดเหตุการณ์ ท่านไปอยู่ไหน ครับ และเหตุการณ์ อย่างเร่งด่วนจริงๆๆ น่าสงสาร ประชาชนอย่างพวกเราๆๆๆๆๆๆๆ ไหม.... รถยนต์ ที่ ประเมิน คร่าว ประมาณ 3 คัน รถบรรทุก 10 ล้อ 1 คัน เงินภาษี จังหวัดระยอง ก็ไม่ใช่น้อย....สงสารๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ่อนใจ
โดย หนุ่มรูปกลางคน ยังมีไฟ ใจยังสู้

P01

"ชีวิตรันทดคิดฆ่าตัวตายวอนคนใจบุญช่วย"





*** เรื่องราวแสนเศร้าชีวิตรันทด คิดฆ่าตัวตายปีนเสาไฟฟ้าแรงสูงแล้วโดดลงมา เดชะบุญชาวบ้านช่วยไว้เกือบไม่ทันรายนี้ ทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์ หลังจากได้รับทราบ จึงรีบเดินทางไปยังที่บ้าน พักอาศัยไม่มีเลขที่ หมู่ 3 ซอยโรงก๊วยเตี๋ยว ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ทั้งนี้รับทราบว่า มียายเฒ่าอยู่กับหลานชาย 2 คนสุดน่าเวท ต้องผจญชะตากรรมลำเค็ญมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก อดมื้อกินมื้อเป็นที่น่าน่าสงสารแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก!! ผู้สื่อข่าวไปถึงยังบ้านหลังดังกล่าว พบยายแสวง คงคาศรี อายุ 71 ปี อยู่กับหลานชายชื่อ ด.ช.วิทวัทร์ คงคาศรี อายุ 17 ปี โดยเฉพาะผู้เป็นยายมีร่างกายแก่ชราผอมโซ..มือพิการกระดูกแขนหัก ร่างกายเริ่มลุกลามชาเป็นอัมพาตชาไปครึ่งท่อน และมีอาการเจ็บ ปวดกระดูกเวลาอากาศหนาว แถมต้องต้องเลี้ยงดูหลานชายด้วยความรักทั้งที่ตัวเองจะไม่รอด

*** นางแสวง คงคาศรี ยายเฒ่ารันทดเล่าให้ฟังด้วยน้ำตานองหน้าว่า..ตนเคยมีครอบครัว แต่บ้านแตกสาแหรกขาดล้มหายตายจากกันไป ส่วนแม่ของเด็กผูกคอตายไปตั้งแต่แบเบาะ ได้ทิ้งหลานในไส้ไว้ให้เลี้ยงตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งอายุ 17 ปีแล้ว ทั้งๆที่ตนก็มีร่างกายพิการย่ำแย่ลำบากมาก ทุกวันนี้ปากกัดตีนถีบหาเก็บมะพร้าวหล่นมาปลอกขาย ได้เงินพอกินบ้างอดบ้าง ก็แสนลำบาก ต้องใช้มือดึงกาบมะพร้าวข้างเดียว ใช้ปากกัดข้างหนึ่งถึงจะปลอกเปลือก กว่าจะได้แต่ละลูกทรมานมาก บางครั้งเก็บมะพร้าวมาได้ปลอกเสร็จก็เน่าขายไม่ได้ วันไหนขายได้ก็นำเงินเก็บไว้ซื้ออาหารกินเพื่อประทั่งชีวิตไปวันๆหนึ่ง บางวันเจ็บป่วยไปไม่ไหวก็นอนคลุมโปร่งอาหารก็บูด ยากินก็ไม่มี ต้องสู้ชีวิตเพื่อหลานชาย แต่มีคนใจบุญสงสารให้อาศัยพักชั่วคราว ไม่มีใครมาเหลียวแลเท่ากับรอวันตาย

*** สำหรับ ชีวิตรันทดของยายแสวงร่างกายพิการหลังโก่งร่วงโรย เดินเหินลำบากมาก ทำอะไรก็เจ็บปวด มือเท้าพิการทำอะไรก็ไม่ไหวหืดหอบเหนื่อยง่าย และแน่นหัวใจเป็นล้มบ่อยครั้งช่วงอา กาศหนาวร่างกายยายแสวงก็ยิ่งเจ็บปวดกระดูกมาก อาหารบูดขึ้นรา และยารักษาโรคก็ไม่มีกินสุดลำเค็ญ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เท่าที่ควรเป็นคนสู้ชีวิตญาติพี่น้องไม่มี แต่มีผู้พบเห็นบางคนเห็นใจสงสาร จึงให้อาศัยชั่วคราวและนำข้าวปลาอาหารมาให้กินเพื่อยังชีพไปวันๆก่อน

*** อย่างไรก็ตาม ยายแสวงเฒ่ารันทด..ฝากทิ้งท้ายวอนให้สื่อมวลชนผ่านถึงผู้ใจบุญ หรือหน่วยงานผู้เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือให้พ้นบ่วงกรรมด้วย ยายแสวง บอกด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า อยากปีนเสาไฟฟ้าแรง สูงแล้วโดดลงมาตายลาโลกจริงๆ แต่เป็นห่วงหลาน..อยากให้เรียนสูงๆ จะได้มีงานทำเหมือนคนอื่นๆ จะได้หมดห่วงนอนตายตานอนตาหลับเสียที.